ทรัมป์จะได้โนเบลหรือไม่ ? CNN วิเคราะห์เป็นปีหน้า

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ แสดงความต้องการของเขาอย่างชัดเจนว่าต้องการเป็นผู้ชนะรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพอีกทั้งผู้สนับสนุนของเขาก็ยืนยันว่าทรัมป์สมคใรได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับเขาก็พยายามล้อเลียนความต้องการของทรัมป์โดยชี้ให้เห็นถึงนโยบายที่สุดโต่งของเขาที่ทำให้ไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง
คำถามคือ “ทรัมป์” ชนะรางวัลโนเบลสันติภาพได้หรือไม่ ? แม้ว่าหลายฝ่ายจะบอกว่าโอกาสน้อย แต่ยังมีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์จะ “ชนะ” แต่อาจไม่ใช่ในปีนี้…
ตั้งแต่ทรัมป์เข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐญฯ อีกครั้งเขาก็ได้รับการต้อนรับด้วยภาระอันหนักอึ้งนั่นก็คือ สงครามที่ร้ายแรงที่สุดในศตวรรษนี้ถึง 2 สงคราม นั่นก็คือ ยูเครน-รัสเซีย และ สงครามในฉนวนกาซา แม้ว่าทรัมป์จะเข้ามาจัดการความขัดแย้งเหล่านี้บ้างแล้วแต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่าทรัมป์และทีมงานของเขาจะนำสันติภาพมาสู่ดินแดนที่กำลังพิพาทกันได้อย่างไร แต่หากทรัมป์ทำได้ CNN รายงานว่าคณะกรรมการโนเบลก็ “ควร” มอบรางวัลอันทรงเกียรตินี้เป็นรางวัลให้กับความพยายามที่สำเร็จของเขา
-เริ่มที่ยูเครน
หลังจาก 9 เดือนที่เขาพยายามเจรจากับทั้ง ปูติน, เซเลนสกี และ ผู้นำยุโรป ก่อให้เกิดรูปแบบของข้อตกลงขึ้นซึ่งมีสององค์ประกอบหลักคือ ประการแรกการรับประกันความมั่นคงยูเครนโดยสหรัฐฯ ขณะที่พันธมิตรนาโตจะต้องช่วยจัดหาอาวุธและความช่วยเหลือทางทหารให้ยูเครนเพื่อปกป้องอธิปไตยของตนจากการอาจถูกรุกรานในอนาคต ส่วนประการที่สองคือการแลกเปลี่ยนดินแดนบางส่วนตามแนวเส้นการสู้รบในภาคตะวันออกของยูเคร เพื่อสร้างพรมแดนที่มั่นคงและวางเงื่อนไขสำหรับสันติภาพระยะยาว
นี่คือข้อตกลงเพื่อนำไปสู่สันติภาพ ที่แม้ว่ายูเครนจะไม่เห็นด้วยกับการแลกเปลี่ยนดินแดนหากไม่ได้รับการรับประกันด้านความมั่นคง ขณะที่รัสเซียก็อาจไม่ยอมยุติสงครามอันเลวร้ายนี้หากไม่ได้ข้อยุติเกี่ยวกับแผนที่แบ่งดินแดน
แต่การจะไปถึงข้อตกลงสันติภาพได้ CNN รายงานว่าตราบใดที่ทำเนียบขาวยังคงยึดมั่นในแนวทางที่เด็ดเดี่ยวเพื่อกดดันรัสเซียโอกาสก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นที่ปูตินจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมทำข้อตกลง ซึ่งรัสเซียในขณะนี้ได้รับความสูญเสียทางทหารไปแล้วกว่า 1 ล้านนายจากสงครามและเศรษฐกิจก็กำลังเผชิญแรงกดดันมากขึ้นเรื่อย ๆ และหากทรัมป์ยังสามารถรักษาแรงกดดันเหล่านี้ต่อรัสเซียได้พร้อมกับการกำหนดเงื่อนไขของข้อตกลงเพื่อยุติสงคราม ก็อาจมีความเป็นไปได้ที่จะบรรลุข้อตกลงสันติภาพได้ก่อนที่คณะกรรมการโนเบลจะประกาศรางวัลโนเบลสันติภาพประจำปี
-จบสงครามในกาซา
ทรัมป์เข้ารับตำแหน่งพร้อมกับมีข้อตกลงหยุดยิงสามระยะจากสมัยรัฐบาลไบเดนที่วางไว้ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อยุติสงครามในฉนวนกาซาโดยสิ้นเชิง แต่น่าเศร้าที่ข้อตกลงหยุดยิงล่มเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และนับตั้งแต่นั้นตลอดช่วง 6 เดือน ก็เป็นช่วงที่กองทัพอิสราเอลเปิดปฏิบัติการทางทหารอย่างเข้มข้นที่สุดเท่าที่เคยมีมาควบคู่ไปกับวิกฤติด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซา
ขณะที่ เมื่อสองสัปดาห์ก่อน การอ้างสิทธิ์รางวัลโนเบลสันติภาพของทรัมป์ดูเหมือนจะเป็นเรื่องน่าสงสัยมากขึ้นเนื่องจากสถานการณ์ในกาซาเพราะการเจรจาหยุดชะงักและอิสราเอลเริ่มปฏิบัติการทางทหารเพื่อยึดเมืองกาซาซิตีและพื้นที่ทางเหนือ ทำให้สถานการณ์จึงเปลี่ยนจากแย่ไปสู่จุดที่แย่กว่า
และการเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อทรัมป์นำเสนอแผนสันติภาพ 20 ข้อในฉนวนกาซาโดยให้อิสราเอลสละสิทธิ์ในการผนวกหรือยึดครองและกำหนดให้ฮามาสต้องสละการควบคุมกาซารวมทั้งปล่อยตัวประกันทั้งหมดทั้งผู้ยังมีชีวิตและผู้เสียชีวิต CNN รายงานว่าแผนนี้ชัดเจนว่าจะดำเนินการโดยฮามาสจะต้องไม่เข้ามาเป็นผู้ปกครองในพื้นที่กาซา ขณะที่ อิสราเอลก็ต้องทำหน้าที่ของตนด้วยการสละแผนใด ๆ ก็ตามในการเข้ายึดหรือตั้งถิ่นฐานในฉนวนกาซา จึงอาจเป็นหนทางสู่สันติภาพและเพิ่มโอกาสให้ทรัมป์อาจได้รับการพิจารณารางวัลโนเบลสาขาสันติภาพได้เช่นกัน
-ตั๋วสู่กรุงออสโลของทรัมป์
รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจะมอบทุกปีในวันที่ 10 ธันวาคม ซึ่งตรงกับวันเสียชีวิตของอัลเฟรด โนเบลในปี 1896 คณะกรรมการจะเลือกผู้รับรางวัลก่อนสองเดือน คือวันที่ 10 ตุลาคม ซึ่งทรัมป์ก็ยังหวังอย่างแรงกล้าว่าเขาจะได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้แต่โอกาสในปีนี้นั้นค่อนข้างน้อยมากด้วยระยะเวลาและสถานการณ์โลกที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามหากเป็นในปีหน้าซึ่งเป็นวาระครบรอบ 125 ปี ของรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ CNN รายงานว่าทรัมป์ก็อาจมีโอกาสที่จะอ้างสิทธิ์รับรางวัลได้เช่นกัน
CNN เผยด้วยว่า ในปี 2026 จะเป็นก้าวสำคัญของโลกว่าจะไปสู่ทิศทางที่เต็มไปด้วยการรวมตัวและการสร้างเสถียรภาพ หรือโลกที่ความวุ่นวายและความขัดแย้งเพิ่มขึ้น สงครามในกาซาและยูเครนเป็นสองจุดสำคัญที่หากสามารถแก้ไขได้จะช่วยส่งเสริมการบูรณาการและความเชื่อมโยงระหว่างตะวันออกกลางและยุโรป
และนั่นอาจทำให้ประธานาธิบดีทรัมป์และทีมงานของเขาสมควรได้รับเครดิตที่ช่วยวางกรอบแนวทางเพื่อยุติสงครามทั้งสอง และทรัมป์ก็จะสามารถอ้างสิทธิ์ในรางวัลนี้ได้อย่างน่าเชื่อถือในฐานะผู้มีสิทธิ์รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพครั้งที่ 125
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
