"หมอบุ๋ม" ย้ำรถสาธารณะต้องจำกัดคน 70% ของความจุ สวมหน้ากากตลอดเวลา
“หมอบุ๋ม” ย้ำรถสาธารณะต้องจำกัดคน 70% ของความจุ สวมหน้ากากตลอดเวลา
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)(ศบค.) กล่าวระหว่างแถลงความคืบหน้าของสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ว่า สถานการณ์ทั่วโลก 211 ประเทศ ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 91 และพบผู้ป่วยยืนยันการติดเชื้อทั่วโลกสะสมรวม 8,400,129 ราย รักษาหายแล้ว 4,414,991 ราย เสียชีวิต 451,263 ราย
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ประเทศที่พบผู้ป่วยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.สหรัฐอเมริกา มีผู้ติดเชื้อสูงที่สุด 2,234,471 ราย เสียชีวิต 119,941 ราย 2.บราซิล 960,309 ราย เสียชีวิต 46,665 ราย 3.รัสเซีย 553,301 ราย เสียชีวิต 7,478 ราย 4.อินเดีย 367,264 รายเสียชีวิต 12,262 และ 5.สหราชอาณาจักร 299,251 ราย เสียชีวิต 42,153 ราย โดยจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ทั่วโลกเพิ่มขึ้น 142,244 รายภายใน 1 วัน และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 5,277 ราย
พญ.พรรณประภา กล่าวถึงสถานการณ์ของทวีปเอเชีย ว่า พบจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันสะสมสูงที่สุด ตามลำดับของโลก ได้แก่ ลำดับที่ 4 ประเทศอินเดีย ผู้ติดเชื้อ 367,264 ราย เสียชีวิต 12,262 อันดับที่ 15 ประเทศปากีสถาน 154,760 ราย เสียชีวิต 2,975 ราย อันดับที่ 18 ประเทศบังคลาเทศ 98,489 ราย เสียชีวิต 1,305 ราย อันดับที่ 30 ประเทศอินโดนีเซีย 41,431 ราย เสียชีวิต 2,276 ราย อันดับที่ 31 ประเทศสิงคโปร์ 41,216 เสียชีวิต 26 ราย อันดับที่ 38 ประเทศฟิลิปปินส์ 27,238 ราย เสียชีวิต 1,108 ราย อันดับที่ 51 ประเทศญี่ปุ่น 17,628 ราย เสียชีวิต 931 ราย อันดับที่ 58 ประเทศเกาหลีใต้ 12,257 ราย เสียชีวิต 280 ราย อันดับที่ 67 ประเทศมาเลเซีย 8,515 ราย เสียชีวิต 121 ราย อันดับที่ 91 ประเทศไทย 3,141 ราย เสียชีวิต 58 ราย อันดับที่ 156 ประเทศเวียดนาม 335 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต อันดับที่ 158 ประเทศเมียนมา 262 ราย เสียชีวิต 6 ราย อันดับที่ 171 ประเทศบรูไน 141 ราย เสียชีวิต 3 ราย อันดับที่ 173ประเทศกัมพูชา 128 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต และ อันดับที่ 196 ประเทศลาว 19 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต
“กราฟแสดงจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ของโลก พบว่า ประเทศบราซิล มีการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตามมาด้วยประเทศสหรัฐที่พบผู้ป่วยรายใหม่ 2 หมื่นรายต่อวัน และในทวีปเอเชีย พบว่า ประเทศอินเดียมีจำนวนผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับประเทศปากีสถานและบังคลาเทศ” พญ.พรรณประภา กล่าว
พญ.พรรณประภา กล่าวว่า ประเด็นที่น่าสนใจในต่างประเทศ คือ ปักกิ่ง หลังจากที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ในปักกิ่ง โดยไม่พบผู้ติดเชื้อมาหลายสัปดาห์ โดยคณะกรรมการศึกษาเทศบาลนครปักกิ่ง มีการเน้นย้ำให้โรงเรียน ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้อ โดยให้ครู นักเรียน บุคลากร สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่อยู่ในโรงเรียน ทั้งนี้นักเรียนสามารถเลือกเรียนจากที่บ้านได้ มีการเลื่อนเปิดการเรียนการสอนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-3 ออกไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีข้อแนะนำอย่างไร ภายหลังมาตรการผ่อนปรนในระยะที่ 4 มีประชาชนเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะมากขึ้น จึงเกิดความกังวลว่าหากช่วงเปิดเทอม จะมีเด็กใช้บริการมากขึ้น พญ.พรรณประภา กล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้หลังจากมีการผ่อนคลายในระยะที่ 4 กิจการหลายประเภท รวมถึงประชาชน ก็เริ่มกลับมาทำงานที่บริษัทได้ตามปกติ ไปจนถึงวันที่ 1 กรกฎาคม จะมีการเปิดภาคเรียนในระดับการศึกษาทุกระดับ ดังนั้น จะมีความหนาแน่นของผู้ใช้รถขนส่งสาธารณะมากขึ้น โดยตามคำสั่ง ศบค. ฉบับที่ 5/2563 เรื่องการโดยสารรถสาธารณะ กำหนดให้มีความหนาแน่นของผู้คนในรถโดยสารประมาณร้อยละ 70 ของจำนวนความจุทั้งหมด
“แต่ในสถานการณ์ความเป็นจริง ช่วงเวลาเร่งด่วนจะมีผู้คนที่หนาแน่นมาก ดังนั้นสิ่งที่จะทำได้คือ การเฝ้าระวังตัวเองในการป้องกัน ไม่ให้เราติดเชื้อหรือเป็นผู้แพร่กระจายเชื้อ สิ่งที่สำคัญคือ การสวมหน้ากากอนามัย ให้ปิดบริเวณปากและจมูก การพกแอลกอฮอล์เจล ลดการสัมผัสในพื้นที่สัมผัสร่วม หากต้องสัมผัสจริงๆ หลังจากสัมผัสแล้วก็ควรเลี่ยงการนำมือไปสัมผัสใบหน้าตัวเอง ขอย้ำเช่นเคย ไม่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะเป็นอย่างไร เรายังคงต้องสวมหน้ากากอนามัย รักษาระยะห่าง และล้างมือบ่อยๆ” พญ.พรรณประภา กล่าว