รีเซต

สี จิ้นผิง กำลังย้อนเวลาพาแนวคิดสังคมนิยมกลับสู่จีน ?

สี จิ้นผิง กำลังย้อนเวลาพาแนวคิดสังคมนิยมกลับสู่จีน ?
ข่าวสด
24 กันยายน 2564 ( 11:43 )
188

ชีวิตชาวจีนในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาอยู่กับทุนนิยมแบบของจีนมาโดยตลอด แม้ว่าตามหลักการแล้ว จีนคือประเทศ "คอมมิวนิสต์" แต่รัฐบาลจีนเชื่อในทฤษฎีเศรษฐกิจไหลริน (trickle-down economics) ด้วยแนวคิดว่า การปล่อยให้คนบางส่วนมีฐานะร่ำรวยมหาศาลจะส่งผลดีต่อทุกคนในสังคมด้วยการฉุดให้สังคมหลุดพ้นจากหล่มหายนะจากการปฏิวัติวัฒนธรรมของประธานเหมาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้

 

 

การทำเช่นนี้ได้ผลในระดับหนึ่ง ทำให้เกิดชนชั้นกลางจำนวนมากขึ้น และผู้คนในทุกชนชั้นของสังคมก็ดูเหมือนว่า จะมีมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

 

ความมั่งคั่งที่ไม่เท่าเทียม

ตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจชะงักงันในยุคทศวรรษ 1970 จีนได้ทะยานขึ้นไปสู่จุดสูงสุด จีนกลายเป็นคู่แข่งกับสหรัฐฯ ในการเป็นชาติที่มีอิทธิพลทางเศรษกิจครอบงำโลก

 

 

แต่ก็ทำให้เกิดช่องว่างของความไม่เสมอภาคทางรายได้เกิดขึ้น

เห็นได้จากลูก ๆ ของคนที่เกิดมาในยุคสมัยที่ถูกจังหวะเวลานี้

 

 

บรรดาพ่อแม่ที่สามารถซื้อโรงงานหลายแห่งในยุคทศวรรษ 1980 ทำกำไรมหาศาล มีเงินให้ลูกหลานซื้อรถสปอร์ตหรูหราขับโฉบเฉี่ยวอยู่ในเมืองต่าง ๆ ต่างจากคนงานก่อสร้างที่ยังไม่รู้ว่า จะมีเงินพอที่จะซื้อบ้านเป็นของตัวเองได้ไหม

 

 

พรรคคอมมิวนิสต์จีนมักใช้ข้ออ้างที่ว่า "เป็นลักษณะเฉพาะของจีน" มาโดยตลอด

แนวคิดสังคมนิยม "ที่เป็นลักษณะเฉพาะของจีน" ทำให้รัฐบาลมีทางเลี่ยงในการกำกับดูแลสังคมซึ่งในหลายกรณีไม่ถือว่าเป็นสังคมนิยมเลย

สี จิ้นผิง เลขาธิการใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ดูเหมือนจะตัดสินใจแล้วว่า จะปล่อยให้เรื่องนี้ดำเนินต่อไปไม่ได้แล้ว

รัฐบาลจีน ภายใต้การนำของเขา ได้เริ่มนำพาความเป็นคอมมิวนิสต์กลับมาสู่พรรคคอมมิวนิสต์อีกครั้ง อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่ง

 

 

G

วลีติดปากใหม่คือ "ความรุ่งเรืองร่วมกัน"

ข้อความนี้ยังไม่ได้ปรากฏอยู่ตามโปสเตอร์โฆษณาชวนเชื่อริมถนน แต่ก็คงอีกไม่นานนัก

นี่คือหลักการพื้นฐานของสิ่งที่ผู้นำจีนกำลังทำอยู่

 

 

ควบคุมกิจกรรมในชีวิตประจำวัน

ภายใต้ข้อความนี้ ทำให้การพุ่งเป้าจัดการการเลี่ยงภาษีของคนรวยดูสมเหตุสมผลมากขึ้น เช่นเดียวกับการทำให้การศึกษามีความเสมอภาพกันมากขึ้นด้วยการห้ามเปิดบริษัทกวดวิชาเอกชน การปราบปรามที่กำลังดำเนินอยู่กับบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่หลายแห่งของจีน ก็อาจถูกมองได้ว่า เป็นส่วนหนึ่งของแผนการนี้ด้วยเช่นกัน

 

 

สี จิ้นผิง เชื่อในแนวคิดโครงการคอมมิวนิสต์นี้จริงหรือ เป็นเรื่องยากที่จะมั่นใจได้ 100% แต่ผู้สังเกตการณ์บางส่วนคงจะบอกว่า ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น

G

ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการพรรคคอมมิวนิสต์จำนวนมาก อาจจะไม่รู้สึกเช่นนี้

 

นอกเหนือจากการจัดสรรปันส่วนความมั่งคั่งใหม่ในหลาย ๆ ด้านของพรรคคอมมิวนิสต์ นายสียังดูเหมือนจะเชื่อว่า การนำพรรคกลับเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันของผู้คนส่วนใหญ่ เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะทำให้พรรคคอมมิวนิสต์บรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ต้องการ

 

เด็ก ๆ กำลังขี้เกียจ เสียเวลาไปกับการเล่นวิดีโอเกมมากใช่ไหม พรรคคอมมิวนิสต์เข้ามาช่วยจัดการด้วยการจำกัดเวลาเล่นเกมที่ 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

 

วัยรุ่นถูกมอมเมาด้วยรายการโทรทัศน์ที่เต็มไปด้วยการเชิดชูไอดอลไร้สาระใช่ไหม พรรคเข้ามาช่วยจัดการด้วยการห้ามไม่ให้ผู้ชาย "ที่ดูคล้ายผู้หญิง" ออกรายการ

 

จำนวนประชากรสูงวัยที่เพิ่มขึ้น เป็นระเบิดเวลาลูกใหญ่ที่ใกล้แตก แล้วทางพรรคก็มีทางออกสำหรับเรื่องนี้เช่นกัน ด้วยการออกนโยบายให้ทุกคนมีลูก 3 คนได้

ฟุตบอล, ภาพยนตร์, ดนตรี, ปรัชญา, ทารก, ภาษา, วิทยาศาสตร์....ทุกอย่างพรรคมีคำตอบให้หมด

 

 

ขัดแย้งกับความเชื่อของพ่อ

การพยายามทำความเข้าใจว่า อะไรทำให้ สี จิ้นผิง เป็นผู้นำอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ คุณต้องย้อนกลับไปดูภูมิหลังของเขา

สี จ้งซวิน พ่อของเขา เป็นวีรบุรุษพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นที่รู้กันว่า เป็นฝ่ายสายกลาง ที่ต่อมาถูกกวาดล้างและจำคุกในสมัยของเหมา

 

ในช่วงเวลานั้น แม่ของนายสี ถูกบังคับให้ประณามพ่อของเขา หลังจากที่พ่อของเขากลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้งในปี 1978 เขาได้ผลักดันให้เกิดการเปิดเสรีทางเศรษฐกิจในมณฑลกวางตุ้ง และมีรายงานว่า เขาได้ปกป้อง หู เย่าปัง หนึ่งในผู้นำหัวก้าวหน้ามากที่สุดของจีนคนหนึ่งด้วย

 

 

เมื่อพิจารณาจากการที่พ่อของเขาถูกไล่ล่าด้วยน้ำมือของผู้คลั่งอุดมการณ์พรรคคอมมิวนิสต์ และการโน้มเอียงมาทางการปฏิรูปของพ่อของเขา หลายคนอาจถามว่า ทำไม สี จิ้นผิง ตอนนี้จึงดูเหมือนจะนำพาพรรคคอมมิวนิสต์จีนไปในทิศทางที่ดูเหมือนว่า จะขัดแย้งกับความเชื่อของพ่อเขา

 

 

มีคำอธิบายที่เป็นไปได้หลายอย่าง

บางที เขาอาจจะไม่เห็นด้วยกับแนวทางของพ่อเกี่ยวกับเรื่องการเมืองบางอย่างก็ได้

หรือบางที ผู้นำจีนตั้งใจที่จะดำเนินแผนการที่ต่างไปจากนโยบายในสมัยของเหมา แต่อาจจะมีการให้ความสำคัญในเรื่องที่แตกต่างกันกับของพ่อ โดยไม่ได้ตั้งใจ

อย่างไรก็ตาม มันดูค่อนข้างเด่นชัด

 

G

เมื่อพ่อของเขาถูกส่งตัวเข้าเรือนจำ นายสี จิ้นผิง ซึ่งมีอายุ 15 ปี ถูกส่งไปทำงานในไร่นานหลายปี เขาต้องอาศัยอยู่ที่บ้านในถ้ำ

 

 

ช่วงเวลาที่ลำบากเหล่านี้ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น แต่ก็อาจจะทำให้เขากลายเป็นคนที่เกลียดชังการเมือง โดยเฉพาะฝ่ายที่เข้มงวดมาก ๆ

 

 

ผู้สังเกตการณ์จีนบางส่วนได้คาดเดาว่า บางทีนายสี เชื่อว่า มีเพียงผู้นำที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถรับประกันได้ว่า จีนจะไม่กลับไปเผชิญกับความวุ่นวายเช่นเดียวกับในยุคทศวรรษ 1960 และ 1970 อีก

 

 

อย่าลืมว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎแล้ว ทำให้เขาสามารถที่จะอยู่ครองอำนาจได้นานตราบเท่าที่เขาต้องการ

 

 

เหตุผลหนึ่งที่ทำให้การเคาเดาเหล่านี้เป็นไปได้คือ เราไม่เคยได้ยินเขาอธิบายสิ่งที่เขากำลังทำในแง่ของการตัดสินใจ ผู้นำคนต่าง ๆ ของจีน ไม่ให้สัมภาษณ์ แม้แต่กับสื่อที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนควบคุมอยู่

 

 

นายสี ปรากฏตัวในโทรทัศน์ขณะเยี่ยมหมู่บ้านชนบท และมีการจัดให้คนออกมาต้อนรับ ส่งเสียงเชียร์ รับฟังคำแนะนำของนายสี เกี่ยวกับการปลูกข้าวโพดหรืองานด้านอื่น ๆ จากนั้นก็เดินทางกลับ

 

 

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะทำนายได้ว่า กฎเกณฑ์ใหม่ ข้อจำกัดต่าง ๆ หรือแนวทางปฏิบัติต่าง ๆ จะส่งผลต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในจีนอย่างไร หรือมากแค่ไหน

 

 

ในช่วงเวลาไม่นานนี้ แทบไม่มีสัปดาห์ไหนที่ผ่านเลยไปโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์สำคัญที่ควบคุมส่วนใดส่วนหนี่งของระบบในจีนหรือส่วนอื่น ๆ

 

 

จนแทบจะตามการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ไม่ทัน การเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

 

ไม่ใช่เพราะว่า การที่รัฐเข้ามาควบคุมการผลิตหลายอย่าง นั่นเป็นเรื่องที่นักเศรษฐศาสตร์ต้องถกเถียงกันในแง่ของประสิทธิภาพ แต่ปัญหาคือ ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นมาอย่างฉับพลัน

 

 

คนจะตัดสินใจลงทุนได้อย่างไร ถ้าพวกเขาไม่รู้ว่า กฎเกณฑ์พื้นฐานคืออะไรในช่วงเวลา 1 เดือนนี้

 

 

มีคนจำนวนมากที่เห็นกระบวนการทั้งหมดนี้ว่า เป็นเรื่องธรรมดาของประเทศ "ที่กำลังเติบโต" ในหลายพื้นที่ซึ่งไม่ได้มีการกำกับดูแล จำเป็นต้องออกกฎเกณฑ์มากำกับดูแล

 

 

ถ้าเป็นเช่นนั้น การเปลี่ยนผ่านทางกลยุทธ์ที่น่าตกใจในช่วงนี้ อาจจะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ซึ่งสุดท้ายแล้ว ก็จะคลี่คลายลงเมื่อกฎเกณฑ์ใหม่มีความชัดเจน

 

แต่ไม่มีความแน่ชัดว่า ระยะเวลาของการเปลี่ยนแปลงนี้จะยาวนานแค่ไหน

สิ่งที่แน่นอนเรื่องหนึ่งก็คือ การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ตามควรมองผ่านแนวคิด "ความรุ่งเรืองร่วมกัน" ของนายสี ในช่วงเวลาที่พรรคคอมมิวนิสต์จะไม่ยอมผ่อนปรนอำนาจขณะที่นำกฎเกณฑ์เหล่านี้ไปบังคับใช้ และในจีน หากคุณไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง คุณจะต้องถูกกำจัดออกไป

...............

ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ข่าวสด เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง