ยังวิกฤต! "อิตาลี"ประกาศปิดเมืองต่อถึง 13 เม.ย.นี้

วันนี้( 2 เม.ย.63) นายกรัฐมนตรีจูเซปเป คอนเต ของอิตาลี ประกาศขยายมาตรการคุมเข้มทั่วประเทศออกไปจนถึงวันที่ 13 เม.ย.เป็นอย่างน้อย โดยกล่าวว่า ถ้าหากทางการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในตอนนี้ ความพยายามทั้งหมดที่ได้ดำเนินการมาก็จะล้มเหลว 

ขณะที่เมื่อวานนี้(1 เม.ย.)มีผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกเกือบ 5,000 คน ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อทั่วประเทศอยู่ที่มากกว่า 110,000 คน ส่วนผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 พุ่งไปถึง 13,155 คนแล้ว ถือว่ามากที่สุดในโลก หลังมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมเมื่อวานนี้เกินกว่า 700 คน แต่ก็ยังนับว่าปริมาณผู้เสียชีวิตอยู่ในระดับที่ลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 6

ด้านสเปนมีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 เพิ่มขึ้นจาก 9,053 คน เป็น 10,003 คนในวันนี้ มากเป็นอันดับสองของโลกรองจากอิตาลี มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจาก 102,136 คน เป็น 110,238 คน ทางการห้ามการออกนอกบ้านที่ไม่จำเป็นทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. และเข้มงวดยิ่งขึ้นในสัปดาห์นี้ด้วยการห้ามคนออกไปทำงานทั้งหมด ยกเว้นอาชีพที่มีความจำเป็น ข้อมูลสวัสดิการสังคมเผยว่า ตั้งแต่เริ่มการปิดประเทศมีคนถูกเลิกจ้างแล้ว 898,822 คน ในจำนวนนี้ 550,000 คนเป็นลูกจ้างชั่วคราว ภาคการท่องเที่ยวและการก่อสร้างได้รับผลกระทบหนักที่สุด ขณะที่ยอดคนว่างงานอย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคมเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 ล้านคน สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2560 

อย่างไรก็ดี ตัวเลขเหล่านี้ไม่ครอบคลุมการเลิกจ้างชั่วคราวที่อนุญาตให้บริษัทที่ประสบปัญหาทางการเงินสามารถระงับการจ้างงานได้ชั่วคราว 

ส่วนฝรั่งเศส เมื่อวานนี้(1 เม.ย.)มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดในประเทศ โดยเสียชีวิตไปถึงกว่า 500 คน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นจนเกิน 4,000 คนแล้ว ส่วนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกือบ 5,000 คน ทำให้ยอดรวมอยู่ที่มากกว่า 57,000 คน ทำให้ทางการต้องขนย้ายผู้ป่วยในเขตกรุงปารีส และพื้นที่ใกล้เคียงไปยังพื้นที่อื่นที่พร้อมรองรับผู้ป่วย รวมถึงส่งไปรักษาในประเทศเยอรมนี นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่น่าวิตกอย่างยิ่ง คือบ้านพักคนชราทั่วประเทศ ซึ่งมีผู้ป่วยโควิด-19 จำนวนมาก และมีผู้เสียชีวิตอีกจำนวนมากเช่นกัน ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายกรัฐมนตรีเอดูอาร์ ฟิลิป ได้สั่งการให้ผู้ที่พักอาศัยในบ้านพักคนชราพักอยู่แต่ในห้องของตนเอง หลังจากก่อนหน้านี้ ได้สั่งห้ามคนในครอบครัวเข้าเยี่ยม

เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com 
facebook : TNNThailand
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNThailand
Youtube Official : TNNThailand