เช็กที่นี่ ลงทะเบียนประชาชน-ร้านค้า Timeline "คนละครึ่งพลัส" 2568 รัฐบาลอนุทิน

UPDATE : Timeline "คนละครึ่งพลัส" 2568 รัฐบาลอนุทิน
ร้านค้าเริ่มลงทะเบียน : วันที่ 15 ตุลาคม 2568 (จนจบโครงการ)
ประชาชนเริ่มลงทะเบียน : วันที่ 20-26 ตุลาคม 2568 *จำกัดจำนวน 20 ล้านคน
เริ่มใช้สิทธิ์ : วันที่ 29 ตุลาคม 2568 - 31 ธันวาคม 2568 (ระยะเวลา 2 เดือน)
ช่องทางการลงทะเบียนและใช้งาน : ผ่านทางแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง"
ใครได้สิทธิบ้าง ?
3 กลุ่ม รวม 33 ล้านคน
เป็นคนไทย อายุ 16 ปีขึ้นไป*
1. ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13 ล้านคน (โอนตรงไม่ต้องลงทะเบียน)
ซึ่งจากเดิมให้อยู่แล้ว 300 บาท เติมเงินเพิ่มให้ 1,700 บาท รวมจะได้เงินทั้งหมด 2,000 บาท
2. ผู้ที่อยู่นอกระบบภาษี จำนวน 9 ล้านคน รับ 50:50
รัฐสมทบให้คนละ 2,000 บาท ประชาชนเติมเอง 2,000 บาท
3. ผู้ที่อยู่ในระบบภาษี(ยื่นภาษี) จำนวน 11 ล้านคน รับ 60:40
รัฐสมทบให้ 2,400 บาท ประชาชนเติมเอง 2,000 บาท
*กลุ่มที่ 2 และ 3 ใช้จ่ายวันละไม่เกิน 200 บาท - ใช้ไม่เงินหมดเก็บสะสมได้
เงื่อนไข "ร้านค้า" คนละครึ่งพลัส 2568
ประกอบไปด้วย
1. ร้านอาหาร-เครื่องดื่มทั่วไป
2. ผู้ประกอบการบริการ นวดสปา ทำผม ทำเล็บ
3. บริการขนส่งสาธารณะ เช่น แท็กซี่ รถรับจ้าง
*"นิติบุคคลขนาดเล็กรายย่อย" หรือ "ไมโครเอสเอ็มอี" ร่วมได้
ที่มา : รัฐบาลไทย ข้อมูล ณ วันที่ 3 กันยายน 2568
“เอกนิติ” ชี้เศรษฐกิจไทย รถติดหล่ม ต้องฟื้นเศรษฐกิจ Quick Big Win : เร็ว ใหญ่ ประชาชนได้ประโยชน์
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตอบคำถามเรื่อง โครงการ “คนละครึ่งพลัส” ระบุว่า ขออธิบายถึงประชาชนด้วยว่า วันนี้สภาพเศรษฐกิจแย่มาก ประชาชนได้รับความเดือดร้อน การซื้อขายไม่คล่องตัว นำไปสู่ปัญหาหนี้สิน ซึ่งประเทศไทยคนก็เป็นหนี้เยอะอยู่แล้ว เศรษฐกิจเหมือนรถยนต์ที่กำลังจะติดหล่ม ถ้าไม่ทำอะไรมันจะตกเหว การออกนโยบายนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าควรจะมีอะไรที่ฟื้นเศรษฐกิจโดยเร็ว พร้อมมอบนโยบายว่าต้อง Quick (เร็ว) Big (ใหญ่) Win (ประชาชนได้ประโยชน์) โดยแนะนำ "คนละครึ่ง" แต่ทำอย่างไรให้คิดถึงเรื่องระยะยาวด้วย จึงใช้คำว่า “คนละครึ่งพลัส”
คนละครึ่งหลักการคล้ายเดิม คือ ประชาชนไปซื้อของ รัฐบาลออกให้ครึ่งหนึ่ง (co-payment) จากเดิมให้สิทธิวันละ 150 บาท แต่วันนี้เศรษฐกิจแย่มาก จึงต้องบิ๊กพอที่จะช่วยฟื้นได้ จึงตัดสินใจว่าจะใช้ 200 บาท คือ รัฐบาลสมทบ 200 บาท ประชาชนมี 200 บาท เป็นทั้งบิ๊กคือใหญ่ และควิกคือเร็วด้วย เพราะเราใช้งบประมาณที่มีอยู่แล้ว คืองบกระตุ้นเศรษฐกิจ 25,000 ล้านบาท บวกกับงบกลางอีก 19,000 ล้านบาท รวมเป็น 44,000 ล้านบาท เป็นงบประมาณที่มีอยู่แล้วจึงไม่ได้เพิ่มภาระทางการคลัง
ขณะที่ Win คือ สิทธิ์ประชาชน 20 ล้านคน จะได้ประโยชน์ในการลดค่าครองชีพ เพราะครึ่งหนึ่งรัฐบาลสมทบให้ ร้านค้าจะเกิดการหมุนเวียน รวมถึงนิติบุคคลเล็กๆ ที่อยู่ในระบบภาษีก็เข้าร่วมได้ด้วย สำหรับสิทธิที่ต่างจากเดิม ช่วงอายุผู้เข้าร่วมโครงการเริ่มตั้งแต่อายุ 16 ปี (เดิม 18 ปี) และให้สิทธิร้านค้าเล็กๆ SME เล็กๆ เข้าร่วมได้ด้วย
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
