กองปราบบุกค้นอู่รถ ในอุบลฯ หลังคนร้ายลวงชาวบ้านดาวน์รถ ไปขายตลาดมืดนับร้อยคัน
เมื่อวันที่ 11 มีนาคม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก.,พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป.,พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป., พ.ต.อ.พรศักดิ์ เลารุจิลาลัย รอง ผบก.ป.สั่งการให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป.,พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก.3 บก.ป.นำกำลังชุดสืบสวนศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจกองปราบปราม และชุดสืบสวน จ.อุบลราชธานี กระจายกำลังนำหมายศาลจังหวัดอุบลราชธานี ลงวันที่ 10 มี.ค. เข้าตรวจสอบอู่ซ่อมรถยนต์ใน จ.อุบลราชธานี 5 แห่ง ได้แก่
1.อู่ตวงทองยนต์ เลขที่ 49/10 ถนนวาริน-ศรีสะเกษ ต.คำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พร้อมอายัดรถที่นำมาซ่อมทั้ง 22 คัน แผ่นป้ายทะเบียน 28 แผ่น
2.อู่วิรัตน์ และอู่ P&N อะไหล่ยนต์ ซึ่งเป็นเครือข่ายอู่วิรัตน์ ตั้งอยู่ใกล้กันที่ริม ถ.เมือง-ตาลสุม ต.กุดตลาด อ.เมือง จ.อุบลราชธานี อายัดรถยนต์ 16 คัน แผ่นป้ายทะเบียน 28 แผ่น เล่มทะเบียนรถยนต์ 63 เล่ม เล่มทะเบียนจักรยานยนต์ 6 เล่ม
3.อู่ P&N อะไหล่ยนต์ อายัดรถยนต์ 25 คัน สมุดคู่มือจดทะเบียน 18 เล่ม แผ่นป้ายทะเบียน 10 หมายเลข แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี 8 แผ่น
4.อู่ช่างจอย เลขที่ 186 บ้านขามใหญ่ หมู่ 1 ต.ขามใหญ่ อ.เมืองอุบลราชธานี อายัดรถยนต์ไว้ 7 คัน
5.อู่นายปองวุฒิ กับนายพุทธรักษ์ นาริวงษ์ สองพี่น้อง ไม่มีเลขที่ตั้งอยู่ริมถนนชยางกูร ต.ม่วงสามสิบ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี อายัดรถยนต์อีก 2 คัน
โดยปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการขยายผลจากนายอภิเดช บำรุงรุ่งเรือง อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดยโสธรในคดีฉ้อโกงและอื่นๆ ตั้งแต่ปี 2555 ถึงปัจจุบันรวม 24 คดี ที่เพิ่งถูกจับได้เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่านายอภิเดช จะหลอกเหยื่อโดยอ้างตัวเป็นเจ้าของเต๊นท์ขายรถมือสอง พร้อมบอกจะให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ค้างการชำระค่างวดรถ โดยจะขอซื้อดาวน์แล้วเปลี่ยนสัญญานำรถไปขายต่อ เพื่อไม่ให้เจ้าของรถที่ค้างชำระค่างวดรถเสียประวัติ แถมยังมีเงินส่วนต่างเหลือไปใช้จ่าย
เมื่อชาวบ้านหลงเชื่อขายรถให้ไปกว่า 100 ราย แต่ก็ถูกไฟแนนซ์ติดตามทวงถามที่ไม่ส่งค่างวดรถ จึงรู้ว่าถูกหลอก เมื่อติดตามเอารถกับนายอภิเดช ก็บอกว่ารถไม่อยู่แล้ว จึงมาแจ้งความดำเนินคดีกับนายอภิเดช กระทั่งสืบทราบว่า นายอภิเดช นำรถที่ของผู้เสียหายไปขายต่อในตลาดมืด เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพรถ ก่อนนำส่งไปขายต่อตามที่ต่างๆ ตำรวจจึงตระเวนติดตามหารถที่นายอภิเดช หลอกเอามาจากชาวบ้าน ก่อนขอหมายศาลจังหวัดอุบลราชธานี เข้าตรวจค้นตามอู่ต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี และสั่งอายัดรถ แผ่นป้ายทะเบียนและเอกสารต่างๆ ไว้ตรวจสอบต่อไป