BAFSเฮ!เที่ยวบินทะลักไทย จ่อปรับเป้ายอดเติมน้ำมัน
BAFSเล็งปรับเพิ่มประมาณการปริมาณเติมน้ำมันอากาศยานขึ้นจากต้นปีที่ประมาณการไว้ที่ 4.2 พันล้านบาท หลังปริมาณเที่ยวบินจีน-ไทยเร่งตัวขึ้นเฉลี่ย 400-500 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดยคงประมาณการการขนส่งน้ำมันทางท่อที่ราว 600-610ล้านลิตรต่อปี ด้านโบรกคาดปี 2566 พลิกกำไร 320 ล้านบาท แนะ “ซื้อ” เป้า 39 บาทต่อหุ้น
ม.ล.ณัฐสิทธิ์ ดิศกุล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS เปิดเผยว่า ช่วงไตรมาส 2 ของทุกปี ถือเป็นช่วงโลว์ซีซันทางธุรกิจ แต่สำหรับปี 2566 บริษัทคาดหวังการฟื้นตัวของเที่ยวบินจีน ซึ่งหลังจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย หรือ CAAT เปิดให้ผู้ประกอบการสายการบินจีน ยื่นความประสงค์ขอกลับมาทำการบินเส้นทางบินจีน-ไทย (Resume Slot) ได้ทุกเส้นทางตามที่เคยได้รับจัดสรรในตารางบินฤดูร้อน (Summer Schedule) ซึ่งเริ่มใช้มาตั้งแต่เดือนเมษายน 2566 และจะไปสิ้นสุดในเดือนกันยายน 2566 ได้ทุกเที่ยวบินที่เคยทำการบิน
จึงส่งผลให้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2566 นี้เที่ยวบินจากจีนจะเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 400 – 500 เที่ยวบินต่อวัน จาก ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2566 ที่มีเที่ยวบินจีนเพียงราว 100-120 เที่ยวบินต่อวัน
จ่ออัพเป้าเติมน้ำมัน
ทั้งนี้บริษัทอยู่ระหว่างประเมินความต้องการใช้น้ำมันอากาศยาน หลังการเร่งตัวขึ้นของเที่ยวบินจีนเพื่อประกอบการพิจารณาปรับเพิ่มประมาณการ ปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานทั้งปี 2566 ขึ้นจากต้นปีที่ประมาณการไว้ที่ 4.2 พันล้านลิตร พร้อมคาดการณ์รายได้รวมทั้งปี 2566 จะเติบโตจาก ณ สิ้นปี 2565ราว 10%
พร้อมกันนี้ บริษัทได้ปรับปรุงถังกักเก็บน้ำมันอากาศยานภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เตรียมพร้อมให้บริการเติมน้ำมันอากาศยานที่จะเร่งตัวขึ้นหลังบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOTเปิดใช้อาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ช่วงเดือนกันยายน 2566
“การเร่งตัวขึ้นของเที่ยวบินจีนที่สูงกว่าที่บริษัทเคยประมาณการ ถือเป็นสัญญาณที่ดี บริษัทจึงอยู่ระหว่างติดตามซึ่งหากเที่ยวบินจากจีนยังเร่งตัวสูงต่อเนื่องจนถึงงวดไตรมาส 4/2566 ซึ่งเข้าสู่ช่วงไฮซีซันของการท่องเที่ยวไทย บริษัทก็มีแนวโน้มจะปรับประมาณการการเติมน้ำมันอากาศยานทั้งปีขึ้นได้อย่างมีนัยสำคัญ”
ด้านธุรกิจการให้บริการขนส่งน้ำมันทางท่อภาคเหนือที่ดำเนินการผ่านบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) ตั้งเป้าขนส่งน้ำมันได้ราว 600-610 ล้านลิตรต่อปี หนุนจากการฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการเดินทางเข้ามาของนักท่องเที่ยวจีนโดยการขับรถมาทางด่านภาคเหนือของไทย สำหรับความคืบหน้าโครงการเชื่อมท่อขนส่งน้ำมันระหว่างบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ จำกัด (FPT) กับบริษัท ท่อส่งปิโตรเลียมไทย จำกัด (THAPPLINE) นั้นอยู่ระหว่างทำดิลดิลิเจนซ์ (Due Diligence) คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2566 นี้ และคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในปี 2568
พร้อมหนุนนโยบายรัฐ
สำหรับนโยบายลดการผูกขาดทางธุรกิจของรัฐบาลใหม่ นั้น บริษัทในฐานะผู้ให้บริการเติมน้ำมันอากาศยาย ซึ่งทำหน้าที่เป็น “คนกลาง” ระหว่างบริษัทผู้ผลิต-จำหน่ายน้ำมัน และสายการบินไม่มีความกังวล และพร้อมที่จะปรับแผนการดำเนินงานของบริษัทให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐบาล รวมถึงเพื่อสนับสนุนให้ระบบเศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการปรับโครงสร้างทุน โดยการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิคล้ายทุน (Perpetual Bond) วงเงินราว 1 พันล้านบาทเพื่อใช้ในการลงทุนขยายฐานธุรกิจพลังงานทางเลือกทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยจะมุ่งเน้นโครงการที่มีสัญญาอัตรารับซื้อไฟฟ้าที่รวมค่าไฟฐาน (Feed-in Tariff) ในระดับสูง เบื้องต้นคาดว่าจะมีความชัดเจนช่วงต้นไตรมาส 3/2566
“การปรับโครงสร้างทุนครั้งนี้ นอกจากบริษัทจะสามารถขยายฐานการลงทุนได้ตามเป้าหมาย ยังส่งผลให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายของบริษัทลดลงได้อย่างมีนัยสำคัญ”
แนะ “ซื้อ”- เป้า 39 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) คาดการณ์กำไรของ BAFS มีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องตลอดช่วงที่เหลือของปี 2566 หนุนจากปริมาณเที่ยวบินจีน-ไทย กลับมาทำการบินแล้วราว 50% เมื่อเทียบช่วงปี 2562 หนุนปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานจะเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวอย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ขณะที่ปริมาณการขนส่งน้ำมันทางท่อของ FPTจะถึงจุดคุ้มทุนภายในปี 2568 หลังสามารถเต่อท่อส่งกับ ORเสร็จสิ้น เบื้องต้นคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2566 ที่ 320 ล้านบาทพลิกจากขาดทุนสุทธิ 281 ล้านบาทเมื่อปี 2565 จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 39 บาท