“เงินหยวน” อ่อนค่าหนักสุดในรอบกว่า 2 ปี! ทะลุ 7 หยวน/ดอลลาร์
รายงานจากสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า เงินหยวนที่ซื้อขายนอกประเทศจีนเมื่อวันที่ผ่านมา อยู่ที่ 7.0186 หยวนต่อ 1 ดอลลาร์ อ่อนค่าลงร้อยละ 0.7 ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่ามากสุดในรอบกว่า 2 ปี นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2563
โดยการอ่อนค่าของเงินหยวน มีปัจจัยมาจากเศรษฐกิจจีนที่เปราะบาง ประกอบกับเงินดอลลาร์ที่แข็งค่ามากขึ้น
การอ่อนค่าของเงินหยวนมาจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นในช่วงเริ่มต้นการซื้อขายในตลาดนิวยอร์ก เนื่องจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อล่าสุดของสหรัฐฯ สะท้อนว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) น่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่สูงในการประชุมวันที่ 20-21 กันยายนนี้ ซึ่งจะยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างนโยบายการเงินของจีนกับสหรัฐฯ กว้างมากขึ้น และผลักดันให้เงินไหลออกจากจีน
ขณะที่ค่าเงินหยวนยังอยู่ภายใต้แรงกดดันเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ เพื่อสกัดโควิด-19 และการส่งออกที่ชะลอตัว ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน
ซึ่งก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางจีนได้กำหนดค่าเงินหยวนที่แข็งค่าเกินคาด และลดสัดส่วนการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ เพื่อให้สถาบันการเงินมีความสามารถในการใช้เงินตราต่างประเทศได้มากขึ้น
รองผู้ว่าการธนาคารกลางจีน “หลิว กั๋วเฉียง” กล่าวเมื่อต้นเดือนกันยายนว่า จีนสามารถรักษาค่าเงินหยวนให้มีเสถียรภาพได้ และจะเป็นบรรทัดฐานในระยะสั้นสำหรับสกุลเงินจีนในการเคลื่อนไหว 2 ทิศทาง นั่นคือไม่แข็งค่าหรืออ่อนค่าอยู่ด้านเดียวเป็นเวลานาน
ทั้งนี้ ครั้งสุดท้ายที่เงินหยวนอ่อนค่าแตะกว่า 7 หยวนต่อดอลลาร์ เกิดขึ้นในช่วงเริ่มต้นการระบาดของโควิด-19 เมื่อต้นปี 2563 และก่อนหน้านั้นเกิดขึ้นในเดือนสิงหาคม ปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ
ข้อมูลจาก : TNN ONLINE
ภาพจาก : TNN