รีเซต

รวบเจ้าอาวาสวัดดัง สั่งซื้อยาบ้าผ่านไลน์ ของกลางพรึบ ชาวบ้านบอกสงสัยมานาน แต่ไร้หลักฐาน

รวบเจ้าอาวาสวัดดัง สั่งซื้อยาบ้าผ่านไลน์ ของกลางพรึบ ชาวบ้านบอกสงสัยมานาน แต่ไร้หลักฐาน
มติชน
27 ธันวาคม 2565 ( 10:50 )
90

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 26 ธันวาคม ที่ผ่านมา ชุดสายสืบสถานีตำรวจภูธรอินทร์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี สืบทราบว่ามีพ่อค้ายาบ้าได้นำยาบ้ามาจำหน่ายและได้มาแวะพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี จึงประสานชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรบางระจัน นำกำลังเข้าตรวจค้นที่ห้องพัก นายเบียร์ (นามสมมติ)

 

ทันทีที่ นายเบียร์ เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รีบกลืนยาบ้าจำนวน 10 เม็ดลงคอทันที หลังจากตรวจค้นห้องพักไม่พบยาเสพติด สอบสวน นายเบียร์ ได้สารภาพว่า ได้กลืนยาบ้าไป 10 เม็ด และเมื่อตอนเวลา 14.00 น. ได้นำยาบ้าจำนวน 1 ถุง มีทั้งหมด 200 เม็ด ไปส่งขายให้กับพระซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม ที่แถวอำเภอบางระจัน โดยพระได้ขับรถยนต์ส่วนตัวมา เมื่อส่งยาให้ แล้ว ได้รับเงินมาจำนวน 2,000 บาท จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับ จนกระทั่ง นายเบียร์ โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได

 

จากนั้นเวลา 16.00 น. ชุดสืบสวนสถานีตำรวจภูธรบางระจัน จึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปที่ วัดสามัคคีธรรม อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี และได้ไปขอพบพระอธิการศิรวัฒน์ สิริวฑุฒโน อายุ 44 ปี เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม โดยแจ้งว่า มีพ่อค้ายาบ้ารับสารภาพว่าได้ขายยาให้กับ พระศิรวัฒน์ มีหลักฐานทั้งการคุยซื้อขายกันในแชทในแอปพลิเคชั่นไลน์และเบอร์โทรที่คุยกัน จากการสอบสวน

เบื้องต้นพระศิรวัฒน์ ปฏิเสธไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตรวจปัสสาวะ ไม่ยอมให้ค้นกุฏิ ถ่วงเวลาโดยบอกว่าปัสสาวะไม่ออก และรอโยมพ่อกับแม่และญาติพี่น้องมา และได้ล็อกกุฏิไว้ไม่ให้ใครเข้า ไม่ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะอธิบายในเรื่องข้อกฎหมายที่สามารถจะตรวจค้นก็ตาม พระศิรวัฒน์ ก็ไม่ยอมให้ค้นและทวงถามหมายศาล จนมีชาวบ้านหลายคนมารวมตัวที่วัดร่วม 50 คน ต่างตะโกนให้ พระศิรวัฒน์ ไปตรวจปัสสาวะเสียที ทั้งนี้ชาวบ้านบอกว่าสงสัยมาเกือบ 2 ปีแล้วว่า พระศิรวัฒน์ ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดแต่ไม่มีหลักฐาน

 

ต่อมา พระครูสุนทร โกศล เจ้าคณะตำบล สระแจง -บ้านจ่า เดินทางมาที่วัดสามัคคีธรรม กล่าวว่า ปกติเห็นว่า พระศิรวัฒน์ เป็นคนเรียบร้อย ดูเงียบๆ เฉยๆ พูดตลกๆ เพิ่งจะทราบเหตุการณ์ว่า พระศิรวัฒน์ เกี่ยวข้องกับยาเสพติด

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเหตุการณ์ยืดเยื้อจนถึงเวลา 19.48 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตัดสินใจพาตัว พระศิรวัฒน์ ขึ้นรถสายตรวจของเจ้าหน้าที่เพื่อนำตัวไปตรวจปัสสาวะที่สถานีตำรวจภูธรบางระจัน แต่ตัว พระศิรวัฒน์ ยังขัดขืนไม่ยอมขึ้นรถ จนกระทั่งเวลา 19.52 จึงสามารถนำตัว พระศิรวัฒน์ ขึ้นรถไปได้ หลังจากนั้นเมื่อไปถึงที่สถานีตำรวจภูธรบางระจันแล้ว นำไปตรวจปัสสาวะ เบื้องต้นพบปัสสาวะมีสีม่วงเข้ม แต่ พระศิรวัฒน์ ยังไม่ยอมรับ ยังเล่นลิ้นว่าถึงปัสสาวะจะมีสีม่วงแต่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นสารเสพติดหรือไม่ สร้างความปวดหัวให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวเป็นอย่างมาก จึงต้องนำตัว พระศิรวัฒน์ ไปตรวจปัสสาวะที่โรงพยาบาลเพื่อแยกสารเสพติดในปัสสาวะ ซึ่งก็พบ

จากนั้นจึงพาตัวมาค้นยาบ้าที่กุฏิ โดยทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวน 3 ท่าน พระศิรวัฒน์ และโยมแม่ของพระได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปและไม่ยอมให้ผู้สื่อข่าวหรือชาวบ้านเข้าไปดูเหตุการณ์ โดยก่อนเข้าห้องได้หันมาต่อว่าผู้สื่อข่าวว่า “คุณจะทำให้เสียชื่อเสียงวัดทำไมล่ะคะ” ผู้สื่อข่าวจึงตอบไปว่า “ใครทำให้วัดเสียชื่อเสียงกันแน่” และพากันขึ้นไปค้นหาหลักฐานในกุฏิและล็อคห้องทันที แต่ห้องเป็นกระจกยังพอสามารถมองเห็นได้ และไม่นานโยมแม่ของพระก็ได้มาปิดผ้าม่านภายในห้องสร้างความกังขาให้กับชาวบ้านยิ่งนัก

 

จนสักพัก พ.ต.ท.นรินทร์ ไรไสว สารวัตรสืบสวน สภ.บางระจัน ได้เปิดประตูออกมาชี้แจงว่า ให้ชาวบ้านใจเย็นๆ ตอนนี้เจอของแล้ว และเป็นขั้นตอนของเจ้าหน้าที่ในการตรวจ และได้ถ่ายวิดีโอไว้อยู่ ถ้าสงสัยให้ตามไปดูของกลางที่โรงพักได้ไหม ชาวบ้านต่างตะโกนว่า ขอให้กำนันและผู้ใหญ่บ้านเข้าไปดูร่วมด้วย ชาวบ้านจึงพากันสงบลง

 

จนกระทั่งเวลา 22.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว พระศิรวัฒน์ และหลักฐานทั้งหมด มียาบ้า 198 เม็ด ปืนไฟแช็ค 2 กระบอก และอุปกรณ์ในการเสพยาที่ใส่ไว้ในกระติกน้ำ ขึ้นรถและนำ พระศิรวัฒน์ ไปสึกจากความเป็นพระ พร้อมควบคุมตัวมาสอบสวนที่สถานีตำรวจภูธรบางระจัน โดย พระศิรวัฒน์ ยอมรับสารภาพว่า ได้ซื้อยาบ้าจากพ่อค้ายามาเสพอย่างเดียว ไม่ได้นำไปขายให้ใคร ที่ซื้อมาเยอะเพราะจะได้ไม่ต้องซื้อบ่อย หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะได้สอบสวนเพิ่มเติม ตั้งข้อกล่าวหา มียาเสพติด ( เมทแอมเฟตามีน ) ไว้ในความครอบครอง อันถือว่าเป็นการจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง