จับตา "โรงงานศูนย์เหรียญ" บุกไทย? เอกชนกังวลกระทบอุตสาหกรรม

"โรงงานศูนย์เหรียญ" บุกไทย ? เอกชน กังวลหนัก - จับตา - สกัดกั้น
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ "FTI CEO Poll" ครั้งที่ 45 ในเดือนพฤษภาคม 2568 ภายใต้หัวข้อ “โรงงานศูนย์เหรียญ กระทบอุตสาหกรรมไทยแค่ไหน” จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 145 ท่าน ครอบคลุมผู้บริหารจาก 47 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด พบว่าเอกชนมีความเป็นห่วงหรือกังวลใจอย่างหนักต่อประเด็นการเข้ามาของ "โรงงานศูนย์เหรียญ " ซึ่งหมายถึงกลุ่มทุนจากต่างประเทศเพื่อประกอบกิจการโรงงานโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจกับพื้นที่
หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เผยว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ส่วนใหญ่มองว่า โรงงานศูนย์เหรียญนั้น จะสร้างผลกระทบเชิงลบต่อภาคอุตสาหกรรมไทยอย่างมาก โดยเฉพาะประเด็นการหลีกเลี่ยงละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การลักลอบประกอบกิจการ การผลิตสินค้าไม่ได้มาตรฐาน การลักลอบเข้ามาทำงาน และการนำเข้าผิดกฎหมาย ซึ่งมองว่าสาเหตุของปัญหาโรงงานศูนย์เหรียญในไทยเกิดจากกฎหมายไทยที่มีช่องโหว่ ตลอดจนผลกระทบจากสงครามการค้าที่เร่งให้เกิดการย้ายฐานการผลิตเข้ามาสวมสิทธิ์สินค้าส่งออกไทยเพื่อหลบเลี่ยงถิ่นกำเนิดสินค้า
ทั้งนี้ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอขอให้ภาครัฐเข้มงวดในการออกใบอนุญาตประกอบการโรงงาน และบูรณาการตรวจสอบเชิงรุกปราบปรามการกระทำความผิด การใช้ธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว หรือนอมินี และการใช้บัญชีม้า ผ่านการเชื่อมโยงข้อมูลและพัฒนาระบบติดตามวิเคราะห์พฤติกรรมของนิติบุคคลที่เข้าข่ายนอมินี เช่น การจ่ายภาษี, การจ้างงาน, การนำเข้าและส่งออก, การใช้ไฟฟ้า เป็นต้น
อย่างไรก็ตามทาง ส.อ.ท.ขอชื่นชมการทำงานของกระทรวงอุตสาหกรรมที่ทุ่มเทในการจัดการโรงงานอุตสาหกรรมที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและโรงงานศูนย์เหรียญ โดยส่วนใหญ่ให้คะแนนความพึงพอใจต่อการทำงานของ ทีมสุดซอย อยู่ในระดับ “มาก” ซึ่งถือเป็นโมเดลการทำงานที่ดีและมีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาโรงงานศูนย์เหรียญในปัจจุบัน
กระทรวงอุตสาหกรรมเผยพบเรื่องร้องเรียน "อุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ" เพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า
นายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและโฆษกกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมภายใต้การนำของนายเอกนัฎ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มีหนึ่งในนโยบายที่ย้ำชัดมาตั้งแต่วันแรกที่ปฏิบัติงานคือ การปฏิรูปอุตสาหกรรมโดยวางระบบใหม่ ให้มีการทำงานเชิงรุกและเชิงรับ มีหลังบ้านที่เข้มข้น มี “ทีมสุดซอย” ที่ตรวจการที่บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง และหน้าบ้านที่เปิดรับข้อมูลปัญหาจากประชาชน
โดยอย่างยิ่งการเปิดใช้แพลตฟอร์ม “แจ้งอุต” เพื่อรับเรื่องร้องเรียนผ่านแอพลิเคชั่นไลน์ ผ่านการใช้เทคโนโลยีแชทบอทที่สามารถสนทนาโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ ผสานกับเอไอ (AI) เปิดให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ ผู้ร้องสามารถแจ้งปัญหาและระบุพิกัดโรงงานต้องสงสัยได้ และสามารถตรวจสอบและติดตามผลได้อย่างโปร่งใส โดยมีเจ้าหน้าที่ตอบรับเรื่องภายใน 1 ชั่วโมง และสามารถแก้ไขปัญหาได้ในเวลาเฉลี่ยเพียง 14 วัน และยังทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่เป็นไปตามมาตรฐานเพราะมีระบบให้คะแนนความพึงพอใจ
ทั้งนี้ จากข้อมูลพบว่า "แจ้งอุต" มีจำนวนร้องเรื่องของประชาชนในระบบเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่า รวม 615 เรื่องภายในช่วง 3 เดือนแรก จากปกติกระทรวงอุตสาหกรรม รับเฉลี่ยอยู่ที่ 550 เรื่องต่อปี และดำเนินการปิดเรื่องสำเร็จแล้ว 300 เรื่อง ซึ่งหลังจากรับเรื่องร้องเรียนบน “แจ้งอุต” แล้วจะส่งเรื่องให้หลังบ้านทีมสุดซอย นำโดยนางสาวฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ หัวหน้าคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำทีมงานจากกระทรวงอุตสาหกรรม ทุกกรม กองส่วนกลาง พร้อมบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบตามข้อร้องเรียนของประชาชนอย่างทันทีด้วยความตรงไปตรงมา ตามเก็บหลักฐานอย่างจริงจัง ทำอย่างโปร่งใสต่อหน้าสื่อมวลชน ย้ำว่าไม่มีการสอดแทรกระบบอุปถัมภ์ใดๆ ไม่ว่าผู้กระทำผิดเป็นใคร พร้อมจับมือ DSI สอบสวนกลาง คณะกรรมการแข่งขันการค้าฯ ขุดรากถอดโคนอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ
สรุปผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 45 จำนวน 6 คำถาม ดังนี้
1) การเข้ามาของโรงงานศูนย์เหรียญจะส่งผลกระทบเชิงลบต่ออุตสาหกรรมไทยในระดับใด
อันดับ 1 : มาก 86.9%
อันดับ 2 : ปานกลาง 11.0%
อันดับ 3 : น้อย 2.1%
2) กลุ่มสินค้าใดจะได้รับผลกระทบจากการเข้ามาของโรงงานศูนย์เหรียญ
อันดับ 1 : เครื่องใช้ไฟฟ้า 70.3%
อันดับ 2 : วัสดุก่อสร้าง 46.9%
อันดับ 3 : อาหารแปรรูป อาหารเสริม และเครื่องสำอาง 26.2%
อันดับ 4 : สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 25.5%
3) ปัญหาโรงงานศูนย์เหรียญในไทยเกิดจากสาเหตุใด
อันดับ 1 : กฎหมายที่มีช่องโหว่เป็นโอกาสเข้ามาลงทุนในไทย 74.5%
อันดับ 2 : การย้ายฐานการผลิตหนีผลกระทบจากสงครามการค้า 58.6%
อันดับ 3 : มาตรการส่งเสริมการลงทุนของไทย และสิทธิประโยชน์ต่างๆ 26.9%
อันดับ 4 : นโยบายและกฎหมายที่เข้มงวดในสิ่งแวดล้อมและการปล่อยมลพิษของประเทศต้นทาง 24.8%
4) ภาคอุตสาหกรรมมีความกังวลต่อผลกระทบจากโรงงานศูนย์เหรียญในเรื่องใด
อันดับ 1 :
การไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น ลักลอบประกอบกิจการ ผลิตไม่ได้มาตรฐาน ลักลอบเข้ามาทำงาน และนำเข้าผิดกฎหมาย 52.4%
อันดับ 2 :
การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศมาสวมสิทธิ์ไทยส่งออก (Re-Export) เพื่อหลบเลี่ยงถิ่นกำเนิดสินค้า 50.3%
อันดับ 3 :
การใช้ไทยเป็นฐานการผลิตในอุตสาหกรรมที่มีมลพิษ ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน 49.0%
อันดับ 4 :
ขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุน และการแย่งส่วนแบ่งตลาด ในประเทศและตลาดส่งออก 22.8%
5) ภาครัฐควรดำเนินมาตรการเพื่อแก้ไขปัญหาโรงงานศูนย์เหรียญอย่างไร
อันดับ 1 :
เข้มงวดในการออกใบอนุญาตประกอบการโรงงาน และบูรณาการตรวจสอบเชิงรุกปราบปรามการกระทำความผิด 52.4%
อันดับ 2 :
ปราบปรามการใช้ธุรกิจอำพรางของคนต่างด้าว หรือนอมินี และบัญชีม้า 51.7%
อันดับ 3 :
เชื่อมโยงข้อมูลและพัฒนาระบบติดตามวิเคราะห์พฤติกรรมของนิติบุคคล เช่น การจ่ายภาษี, การจ้างงาน, การนำเข้าและส่งออก, การใช้ไฟฟ้า ฯลฯ 31.7%
อันดับ 4 :
ปรับปรุงหลักเกณฑ์ในการออกใบรับรองถิ่นกำเนิดสินค้า Form C/O ทั่วไป สำหรับรายการสินค้าเฝ้าระวัง และมีการตรวจสอบกระบวนการผลิต 29.7%
6) ภาคอุตสาหกรรมให้คะแนนการทำงาน “ทีมสุดซอย” กระทรวงอุตสาหกรรม ในเรื่องการจัดการโรงงานที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและโรงงานศูนย์เหรียญในระดับใด
อันดับ 1 : มาก 35.2%
อันดับ 2 : มากที่สุด 29.0%
อันดับ 3 : ปานกลาง 24.8%
อันดับ 4 : น้อย 9.0%
อันดับ 5 : น้อยที่สุด 2.0%