"ตาลีบัน" อ้างอยู่เบื้องหลังเหตุ "ระเบิดพลีชีพ" ที่ปากีสถาน ขณะที่ UN ออกประณามความรุนแรง

กลุ่มก่อการร้ายตาลีบันปากีสถาน (Pakistani Taliban) ได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบ โดยระบุในแถลงการณ์ว่าการโจมตีครั้งนี้มีเป้าหมายไปที่เจ้าหน้าที่ตุลาการ กลุ่มตาลีบันปากีสถานระบุในแถลงการณ์ว่า “นักรบของเรามุ่งโจมตีคณะกรรมาธิการตุลาการในกรุงอิสลามาบัด เป้าหมายคือผู้พิพากษา ทนายความ และเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายที่ขัดต่อหลักอิสลามของปากีสถาน” พร้อมขู่ว่าจะก่อเหตุโจมตีเพิ่มเติม “จนกว่ากฎหมายชารีอะห์อิสลามจะถูกนำมาใช้” ในประเทศที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมแห่งนี้

ขณะที่ อันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ออกแถลงการณ์ประณาม “การกระทำที่ใช้ความรุนแรงและการก่อการร้าย” เมื่อวานนี้ ภายหลังเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในกรุงอิสลามาบัด ซึ่งถือเป็นการยกระดับความรุนแรงของกลุ่มติดอาวุธอย่างมีนัยสำคัญ

ส่วน ฟาร์ฮาน ฮัก รองโฆษกสหประชาชาติ ระบุในแถลงการณ์ว่า “เลขาธิการสหประชาชาติรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่เกิดขึ้น และขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิต พร้อมอวยพรให้ผู้ได้รับบาดเจ็บฟื้นตัวโดยเร็ว เลขาธิการประณามการกระทำรุนแรงและการก่อการร้ายทุกรูปแบบอย่างรุนแรงที่สุด เขาย้ำว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังการก่อการร้ายต้องถูกนำตัวมารับผิดชอบ และเรียกร้องให้มีการสืบสวนอย่างเต็มรูปแบบ” 

อย่างไรก็ตาม โมห์ซิน นักวี (Mohsin Naqvi) รัฐมนตรีมหาดไทยของปากีสถาน แถลงเมื่อวานนี้ (11 พฤศจิกายน) ว่า เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายบริเวณด้านนอกอาคารศาลในกรุงอิสลามาบัด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 12 คน ขณะที่ แหล่งข่าวจากโรงพยาบาลเผยว่า มีผู้บาดเจ็บหลายคน ซึ่งทางการบอกว่า 27 คน โดยบางรายอาการสาหัส ขณะที่ทีมสืบสวนทางนิติวิทยาศาสตร์ได้เข้าตรวจสอบพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งอยู่บริเวณด้านนอกอาคารศาล ใกล้กับซากรถยนต์ที่ถูกไฟไหม้จากแรงระเบิด

นักวี กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่เกิดเหตุด้วยว่า มือระเบิดพยายามจะเดินเข้าไปในอาคารศาล แต่ได้จุดชนวนระเบิดก่อนบริเวณใกล้รถตำรวจ หลังจากยืนรออยู่บริเวณนั้นประมาณ 10 ถึง 15 นาที

ทั้งนี้ เหตุระเบิด ซึ่งเป็นการโจมตีครั้งแรกในรอบหลายปีที่เกิดขึ้นในกรุงอิสลามาบัด ทำให้ผู้คนแตกตื่นหนีเอาชีวิตรอด ท่ามกลางเศษกระจกแตกกระจายและรถยนต์ที่ถูกไฟไหม้บนท้องถนน