รีเซต

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
ทันหุ้น
25 กุมภาพันธ์ 2568 ( 09:47 )
6

#ภาวะหุ้น #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซียไซรัส มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะแกว่ง Sideways Down โดยถูกกดดันต่อเนื่องจาก Sentiment ลบต่างประเทศ หลังทรัมป์ออกคำสั่งให้จำกัดการลงทุนของจีนในเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์ของสหรัฐฯ ขณะที่ภาษีนำเข้าสินค้า 25% จากแคนาดาและเม็กซิโกที่จะมีผลในเดือน มี.ค. ยังคงเดินหน้าตามแผน ทำให้เม็ดเงินยังคงไหลออกจากสินทรัพย์เสี่ยงสูงอย่างหุ้น เข้าหาสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและปลอดภัยอย่างพันธบัตรและทองคำต่อเนื่อง โดยล่าสุด Bond Yield 10 ปีปรับตัวลงสู่ระดับ 4.38% ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ธ.ค. 24 ส่วนราคาทองคำทรงตัวใกล้ระดับ Record High 

 

ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามตัวเลขส่งออกไทยเดือน ม.ค. 25 (ตลาดคาดส่งออก +7.4% y-y นำเข้า +2.5% y-y) และโฟกัสหลักอยู่ที่การประชุมกนง.พรุ่งนี้นี้ว่าจะลดดอกเบี้ยจากปัจจุบันที่ 2.25% ตามกระแสคาดการณ์ล่าสุดหรือไม่ ส่วนกำไร 4Q24 บจ.เท่าที่ประกาศออกมาแล้วเบื้องต้นต่ำกว่าคาดราว 8% แต่หากตัดรายการพิเศษก้อนใหญ่เช่นจาก TRUE และ PTT ออก โดยรวมไม่ได้ต่ำกว่าคาด ระยะสั้นคาดหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรดีต่อในปี 2025 คาดว่าจะปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาด ขณะที่ Valuation ปัจจุบันของ SET ที่ค่อนข้างถูก โดยเทรด PER ราว 13 เท่า และมี Earnings Yield Gap กว่า 5% ยังเน้นหุ้น Domestic Play เป็นหลักเพื่อลดความเสี่ยงจากปัจจัยสงครามการค้าโลก

 

กลยุทธ์ : เน้น Domestic Play ที่มีแนวโน้มกำไร 4Q24-2025 แข็งแกร่ง // ส่วนที่สะสมหุ้นเพิ่มแล้วโซน 1,300+- หรือต่ำกว่า แนะนำถือลงทุนระยะกลาง-ยาว

หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : BBL, CHG, CPALL, ERW, NSL

FSSIA Portfolio :  BA, BBL, CHG, CPALL, MTC, NSL, RBF, SEAFCO, SHR, WHA

 

หุ้นเด่นวันนี้ : ERW

• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 6.20 บาท

• กำไรปกติ 4Q24 ออกมา 370 ลบ. +2x q-q, +80% y-y ทำ record high และดีกว่าที่คาด 14% หนุนทั้งปี 2024 จบที่ 906 ลบ. +26% y-y

• เราคาดกำไรปี 2025 โตต่อเนื่องเป็น 940 ลบ. ปัจจุบันมี Upside ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง Market Cap ปัจจุบันต่ำกว่าช่วงปี 2019 สะท้อน Valuation ที่ถูก เรามองเป็นโอกาสเข้าลงทุน 

• แนวรับ 3.20//3.12 บาท แนวต้าน 3.40//3.50 บาท

 

บล.ดาโอ คาดดัชนีฯ มีแนวโน้มปรับตัวลงตามตลาดต่างประเทศ ตลาดไทยส่งงบ และหุ้นทยอยขึ้น “XD” โดยตลาดหุ้น สัปดาห์นี้ ยังผันผวนจาก 3 ตัวแปรของไทยเอง คือ เป็นสัปดาห์สุดท้ายของการส่งงบ  มีการขึ้น “XD” ของหุ้นใหญ่หลายตัว โดยวันนี้ PTTEP และจะมี MSCI rebalance ปลายสัปดาห์ โดยรวมๆ เรามองเป็นตัวกดดันตลาดมากกว่า 

 

ตลาดหุ้นต่างประเทศ มีแรงขายในหลายตลาด นักลงทุนให้ความสนใจในเรื่องนโยบายการค้าของสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดี Trump ประกาศว่าจะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเดือนหน้า และพูดถึงจีนด้วย วานนี้หุ้น Alibaba ADR ปรับตัวลงถึง 10% จะเป็นแรงกดดันมาถึงตลาดหุ้นไทยในวันนี้

 

หุ้นกลุ่มธนาคาร จะมาอิงกับ ผลการประชุมกนง. ในวันพรุ่งนี้(26)  หลายหน่วยงานกดดันกนง.ให้ลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง ...... หุ้นที่เกี่ยวข้องคือ ธนาคาร  สถาบันการเงิน และหุ้นที่อยู่อาศัย

 

ความคืบหน้าโยกกองทุน LTF มาอยู่ใน Thai ESG คาดว่าเดือนมี.ค.นี้ จะมีการออกกองทุนใหม่ที่จะให้โยกกองทุน LTF มาอยู่รวมกับกองทุน Thai ESG ในส่วนของมาตรการจูงใจเพิ่มเติม ยังคงพิจารณาอยู่ตามความเหมาะสม

 

นายพิชัย รมว.คลัง กล่าวถึงการประชุมกนง. 26 ก.พ.นี้ ขอพิจารณาลดดอกเบี้ยนโยบาย เนื่องจากเงินเฟ้อไทยต่ออย่างต่อเนื่อง ช่วย GDP ขยายตัว .... การประชุมกนง.ในครั้งนี้ถูกกดดันมากจากหลายหน่วยงาน จับตาวันพรุ่งนี้ กนง.อาจลดดอกเบี้ยลงตามคำเรียกร้องหรือไม่

 

บริษัทจีนยกเลิกแผนเข้าตลาดหุ้นยุโรปและหันไปจดทะเบียนในฮ่องกงแทน เนื่องจากกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นของทางการจีน แม้ก.ล.ต. จีน (CSRC) จะกลับมาอนุมัติ GDR (Global Depositary Receipt) ใหม่อีกครั้ง แต่เงื่อนไขที่เข้มงวดขึ้นทำให้ทำให้บริษัทต่างๆ ชะลอการออก GDR  ……. ข่าวนี้ ดีต่อตลาดหุ้นฮ่องกง จากการที่จะมีสินค้าเข้ามาในตลาดหุ้นมากขึ้น

 

รัฐบาลทรัมป์กำลังเดินหน้ากดดันจีนครั้งใหญ่ โดยจำกัดการใช้จ่ายของจีนในภาคเทคโนโลยี พลังงาน และอุตสาหกรรมสำคัญ และเสนอให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการใช้เรือที่ผลิตในจีน มาตรการนี้ทำให้การลงทุนของจีนในอเมริกาเหนือลดลงมาก และการเจรจาการค้าจีน-สหรัฐฯซับซ้อนมากขึ้น

 

Event วันนี้ :  ตัวเลขส่งออกของไทย (25) (คาด 7.4%; เดือนก่อน 8.7%)  และประชุม ครม.

 

Strategy

• ตลาดมีตัวแปรในทางลบหลายตัว ในสัปดาห์นี้ ทำให้ตลาดผันผวน โดยเฉพาะเรื่องการขึ้น “XD” และการรายงานผลประกอบการโค้งสุดท้าย ...  โดยเรายังแนะให้เก็งกำไรช่วงสั้นๆ พิจารณาเป็นรายตัว และทยอยเก็บหุ้นอนาคตดีเข้าพอร์ตไว้บ้าง 

• หุ้นในพอร์ตวันนี้ เราคงหุ้นในพอร์ตไว้ทั้งหมด ประกอบด้วย BDMS*(10%), TRUE*(10%), SCB(10%), CPALL(10%), TTB(10%)

 

Technical  : BTG, GLOBAL

 

ด้าน บล.คิงส์ฟอร์ด ประเมินแนวรับดัชนี SET ที่ 1,220 – 1,230 แนวต้าน 1,250 คาดดัชนีถูกกดดันจากกำไร บจ.261 แห่งที่ส่งงบแล้ว มีกำไรตำกว่า BB.Consensus -9.1% และรอผลการประชุม กนง. ในวันพรุ่งนี้ โดยกรณีปรับลดดอกเบี้ย แนะนำซื้อเก็งกำไรกลุ่มไฟแนนท์ TISCO,KKP,MTC,TIDLOR,SAWAD / อสังหา SIRI, AP,SPALI / และกลุ่มที่มีหนี้สูง เช่น GULF,GPSC,BGRIM,IVL,PTTGC

 

BTG* (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 23.50 บาท) แนวโน้มกำไร 4Q67 คาดเติบโตขึ้น QoQ, YoY มีปัจจัยหนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้น แม้ราคาขายเฉลี่ยจะลดลงตามราคาไก่ แต่ต้นทุนวัตถุดิบการเลี้ยงก็ปรับตัวลดลง รวมถึงกลยุทธ์ของบริษัทที่เน้นการขายในช่องทางที่มีอัตรากำไรสูง เช่น ร้านอาหาร แนวโน้ม 1Q68 น่าจะดีต่อเนื่องได้อานิสงส์จากราคาสุกรในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องจากการระบาดของโรคสุกรเป็นตัวจำกัดอุปทานในตลาด ขณะที่ต้นทุนอาหารสัตว์ยังต่ำจากราคากากถั่วเหลือง นอกจากนี้การซื้อ Eggriculture ที่เป็นธุรกิจไข่ในสิงคโปร์จะเสร็จใน 1Q68 หนุนรายได้ในระยะถัดไป ทั้งนี้อิงจาก Consensus ตลาดคาดปี 68 มีกำไรสุทธิ 2.6 พันล้านบาท +15%YoY และปี 69 ที่ 3.2 พันล้านบาท +22%YoY

 

TEGH* (ซื้อ/ ราคาเป้าหมาย Bloomberg Consensus 4.45 บาท) แนวโน้มการดำเนินงานปกติ 4Q67 ยังดูดีต่อเนื่อง YoY จากราคายางและน้ำมันปาล์มที่อยู่ในระดับสูง นอกจากนี้คาดว่าสัดส่วนปริมาณขายยาง EUDR (ซึ่งราคาขายจะสูงกว่ายางปกติ/ 3Q67 สัดส่วนยางแท่ง EUDR อยู่ที่ราว 32%) จะสูงขึ้นด้วยแม้ EU เลื่อนการบังคับใช้ออกไปปี69 แต่ลูกค้ายังสั่งซื้ออยู่ ด้าน TEGH เองวางแผนขยาย Capacity ปี68 ในธุรกิจ Crude Palm Oil +51%, ธุรกิจ Organic Waste Management +18%, ธุรกิจ Biogas +48%, และ  ธุรกิจ Electricity +44%   ปัจจุบัน ตลาดคาดว่าในปี67 และ68 กำไรสุทธิของ TEGH* จะอยู่ที่ระดับ 544 ลบ.(+153%YoY) และ 611 ลบ.(+12%YoY) ตามลำดับ

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง