ร้านเครื่องดื่มไม่ง่าย! คาดโตแผ่ว "ชาตรามือ" ขยายใน-ต่างประเทศ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดการณ์ตลาดเครื่องดื่มปี 2569 จะยังเติบโตได้ที่ร้อยละ 2 แต่เป็นการโตในแบบชะลอตัวลง จากปี 2568 ที่คาดว่าจะมีมูลค่า 56,900 ล้านบาท คิดเป็นเติบโตที่ร้อยละ 5 จากปีก่อนหน้า ปัจจัยที่มีผลต่อการลงทุนและรายได้ของธุรกิจร้านเครื่องดื่มในปีหน้า มีอยู่ 4 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ปัจจัยทางเศรษฐกิจ โดยจะยังกดดันกำลังซื้อ และการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งส่งผลต่อความถี่ในการซื้อเครื่องดื่มลดลง

ขณะเดียวกัน มีการแข่งขันสูงในทุกระดับราคา และทุกเซกเมนต์ โดยปีหน้า ร้านเครื่องดื่มใหม่ ๆ ยังคงมีการเปิดตัวทั้งจากผู้ประกอบการไทย และต่างชาติ โดยกลุ่มที่ต้องเผชิญกับความท้าทายมาก คือ กลุ่มร้านพรีเมียม, เครื่องดื่มกลุ่มแมส และร้านเครื่องดื่มในพื้นที่ท่องเที่ยว 

ถัดมาคือ ต้นทุนธุรกิจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ขณะที่การแข่งขันสูงทำให้ผู้ประกอบการมีข้อจำกัดในการปรับราคาและกดดันกำไรสุทธิ 

สุดท้ายคือ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ทำให้คาดเดาได้ยาก รวมถึงความจงรักภักดีต่อแบรนด์ต่ำลง ท่ามกลางทางเลือกจากร้านเครื่องดื่มที่มีจำนวนมากในหลากหลายระดับราคา ทำให้ผู้บริโภคพร้อมจะเปลี่ยนแปลงและทดลองสิ่งใหม่ตลอดเวลา 

อย่างไรก็ดี ในมุมมองของผู้ประกอบการในธุรกิจร้านเครื่องดื่ม ยังมองในมุมบวกต่อตลาด คุณ พราวนรินทร์ เรืองฤทธิเดช กรรมการบริหาร แบรนด์ชาตรามือ กล่าวว่า การแข่งขัน ถือเป็นเรื่องปกติและเมื่อมีผู้เล่นจำนวนมากขึ้น เชื่อว่าจะมาช่วยกันผลักดันตลาด และเมื่อมีคนดื่มมากขึ้นตลาดก็จะขยายตัวต่อไป ส่วนบริษัทฯ ในฐานะคนทำชา จะมุ่งเน้นทำให้ดีและรักษาคุณภาพต่าง ๆ เพื่อผลักดันการเติบโต

สำหรับชาตรามือ ปีนี้มีอายุครบ 80 ปี แต่การจะทำให้แบรนด์ไปได้ต่อ ไม่ตกสมัย จะต้องรู้จักผู้บริโภคว่า ต้องการอะไร ปัจจุบันพบว่า ผู้บริโภคใส่ใจในเรื่องสุขภาพ กินหวานน้อยลง บริษัทฯ ก็จะมีเครื่องดื่มที่ลดความหวาน หรือนมทางเลือก ตลอดจนขยายช่องทางไป เดลิเวอรี นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมต่าง ๆ ในแบบที่ยังร่วมสมัยอยู่

ปัจจุบัน ชาตรามือ มีสาขา รวมทั้งสิ้น 240 สาขาใน 20 จังหวัด ซึ่งแผนในปี 2569 จะยังคงขยายสาขาต่อไป ในอีกหลายจังหวัดที่มีศักยภาพ ส่วนต่างประเทศก็จะขยายผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรในรูปแบบแฟรนไชส์ ปัจจุบันมีสาขาในต่างประเทศ 136 สาขาแล้วใน 13 ประเทศ ซึ่งประเทศที่มีสาขาชาตรามือมากที่สุด คือมาเลเซีย โดยมีมากกว่า 50 สาขา 

ส่วนแบรนด์ร้านชาใหม่ CTM ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นาน พบว่ามีการตอบรับที่ดี และในปีหน้าจะขยายอีกอย่างน้อย 5-10 สาขา โดยเน้นโลเคชันที่เป็นอาคารสำนักงาน ทำให้กลุ่มลูกค้าหลักยังเป็นคนไทย เป็นหลัก พร้อมตั้งเป้าการเติบโตของปี 2568 ไว้ที่ร้อยละ 20 จากปีก่อนหน้าที่มียอดขายแตะที่ 3,000 ล้านบาท