บิ๊กป๊อก มอบนโยบายผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ย้ำยึดหลักธรรมาภิบาล ยึดปชช.เป็นศูนย์กลาง
ข่าววันนี้ 5 พ.ย. ที่ห้องประชุมราชบพิธ อาคารดำรงราชานุสรณ์ กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายและภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนกรุงเทพมหานคร และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยมีนโยบายในการประชุมติดตามขับเคลื่อนการทำงานของกระทรวงมหาดไทย จังหวัดทุกจังหวัด และกรุงเทพฯ เพื่อหารือและแลกเปลี่ยนการดำเนินงานตามนโยบาย เกิดการขับเคลื่อนอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยหลัก “ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง” ทำงานโดยยึดหลักธรรมาภิบาล ปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ สั่งการ กำชับ หน่วยงานในสังกัดและกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นให้เกิดความโปร่งใส ติดตามผลการปฏิบัติของหน่วยงานให้เป็นไปตามกฎหมายและนโยบาย ทั้งนี้ ตำแหน่งผู้ว่าฯ เป็นตำแหน่งที่มีความเป็นสาธารณะ ที่ประชาชน หน่วยงานภาคส่วนต่าง ๆ ภาคนักวิชาการ เอ็นจีโอและสื่อมวลชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้แทนของประชาชนระดับต่างๆ ทั้งสมาชิกวุฒิสภา ส.ส.และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สามารถเข้าถึง เข้าพบ เข้าหารืออยู่เสมอ ดังนั้นผู้ว่าฯ ต้องอุทิศกาย อุทิศเวลา ทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อให้การขับเคลื่อนงานสนองตอบความต้องการของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
พล.อ.อนุพงษ์ได้มอบนโยบายและหารือข้อราชการสำคัญ ได้แก่ 1.ด้านการปกป้องและเทิดทูนสถาบันหลักของชาติ ผู้ว่าฯ ต้องบูรณาการงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เสริมสร้างความเข้าใจกับประชาชน ในการมีส่วนร่วมกับทุกภาคส่วน ขับเคลื่อนโครงการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง 2.ด้านความสะอาดและสวยงามของพื้นที่ ต้องบูรณาการร่วมกับหน่วยงานในพื้นที่ดำเนินการให้บ้านเมืองมีความสะอาด สวยงาม กำหนดมาตรการที่ ทำให้ประชาชนทิ้งขยะอย่างถูกสุขลักษณะตามหลักวิชาการ และกำกับ กำชับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น บริหารจัดการขยะ ทั้งด้านการจัดพื้นที่ทิ้งขยะ และการจัดเก็บขยะ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย 3.การดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ ให้สอดคล้องเชื่อมโยงแผนทุกระดับ 4.การบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต้องรณรงค์ให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรค Universal Prevention อย่างสูงสุด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในช่วงการผ่อนคลายมาตรการ รวมไปถึงเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรการปลอดภัยองค์กร (COVID-Free Setting) ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่องและเข้มงวด และบริหารจัดการวัคซีนให้ประชาชนกลุ่มต่าง ๆ เข้าถึงตามหลักเกณฑ์ที่ ศบค. กำหนด ในด้านมาตรการชายแดน ให้เร่งพิจารณาการเปิดด่านเพื่อประโยชน์ทางการค้าขาย เพื่อให้เศรษฐกิจเดินไปได้ ควบคู่กับการเฝ้าระวังการลักลอบเดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย โดยใช้กลไกกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำรวจ ทหาร และประชาชน เฝ้าระวัง ตรวจตรา เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า 5.ด้านการป้องกันและแก้ไขการค้ามนุษย์ ต้องบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวัง ตรวจสอบ ตรวจตรา อย่างเข้มข้น 6.ด้านการแก้ไขปัญหายาเสพติด ผู้ว่าฯ ในฐานะผอ.รักษาความมั่นคงภายในจังหวัด (ผอ.รมน.จังหวัด) ต้องสั่งการหน่วยงานด้านความมั่นคงในพื้นที่ สกัดกั้นการแพร่ระบาดของยาเสพติด เพื่อลด Supply Side ของยาเสพติด และในด้านการลดผู้เสพผู้ติดยาเสพติด (Demand side) ต้องบูรณาการหน่วยงานทั้งภาคการศึกษา ด้านสังคม ร่วมกันเสริมสร้างความเข้าใจและเครือข่ายในการป้องกันการเสพยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง 7.การป้องกันการพนันออนไลน์ โดยใช้มาตรการทางสังคม ทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คนในชุมชน และครอบครัว ดูแลเด็กและเยาวชนให้ห่างไกลจากการพนันออนไลน์ 8.การขับเคลื่อนศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ขณะนี้มีโครงสร้าง มีคณะกรรมการทั้งระดับจังหวัด อำเภอ และตำบล แล้ว จึงขอให้จังหวัดดำเนินการจัดทำข้อมูลในระบบ TPMAP ให้แล้วเสร็จภายใน 31 ธ.ค.เพื่อดำเนินการสำรวจข้อมูลให้เป็นปัจจุบันต่อไป
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า 9.การเตรียมความพร้อมการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ให้สนับสนุนการจัดการเลือกตั้งตามอำนาจหน้าที่ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งกำหนดและขอความร่วมมือ 10.การบูรณาการแก้ไขปัญหาผักตบชวา ต้องขับเคลื่อนให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทย ทั้งการเก็บเล็ก เก็บใหญ่ การมีส่วนร่วมของชุมชน เป็นต้น 11.การบริหารจัดการขยะขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ต้องกำกับดูแลองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ กำหนดมาตรการในการกำจัดขยะให้เป็นไปตามหลักวิชาการ อาทิ การรวมกลุ่มองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการกำจัดขยะ การแก้ไขปัญหาขยะบนเกาะ และการกำจัดขยะติดเชื้อตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งการรณรงค์ประชาชนร่วมกันบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง ตามหลัก 3ช คือ ใช้น้อย ใช้ซ้ำ นำกลับมาใช้ใหม่ 12.การวางและจัดทำผังเมือง ต้องดำเนินการให้มีระบบการตรวจสอบการใช้ประโยชน์ที่ดินและผังเมืองผ่านระบบดิจิทัล เพื่อลดการเดินทางของประชาชนในการติดต่อที่สำนักงาน 13.การจัดทำระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ให้ดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลให้แล้วเสร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบการพิสูจน์ตัวตนด้วยใบหน้าบนฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกประชาชนไม่ต้องใช้บัตรประชาชนในอนาคต
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวอีกว่า 14.การบริหารจัดการสาธารณภัย ขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ดำเนินการประเมินเพื่อลดความเสี่ยงจากผลกระทบจากสาธารณภัย และดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ ทั้งการเตรียมการ แจ้งเตือน ดูแลช่วยเหลือ และการเยียวยาประชาชน 15.การฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย ขอให้เร่งบูรณาการทหาร อาชีวศึกษา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้กลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุข 16.ด้านการขยายเขตไฟฟ้า ให้สร้างการรับรู้กับประชาชนอย่างต่อเนื่อง 17.การนำสายไฟฟ้าลงดิน ขอให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค รวมทั้งจัดระเบียบสายสื่อสารให้เป็นระเบียบเรียบร้อย 18.ด้านการจัดการประปาหมู่บ้าน/ท้องถิ่น ต้องพัฒนาน้ำประปาหมู่บ้านให้สะอาด และแก้ปัญหาแล้งซ้ำซาก ให้มีแหล่งน้ำให้เพียงพอ 19.การประปาส่วนภูมิภาค ขอให้ดำเนินการขยายเขตให้บริการน้ำประปา และเตรียมการรับมือสถานการณ์ภัยแล้งให้มีน้ำเพียงพอ 20.การแก้ปัญหาภาวะน้ำประปาเค็ม ให้เตรียมการแก้ไขปัญหาดังกล่าวรวมทั้งสร้างการรับรู้กับประชาชน 21.การแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียคลองแม่ข่า จ.เชียงใหม่ ด้วยการสร้างความตระหนักให้ประชาชน และผู้ประกอบการในการร่วมกันดูแลรักษาคลองแม่ข่า ไม่ทิ้งขยะ ไม่ปล่อยน้ำเสียลงสู่ลำน้ำ ติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียในครัวเรือน และร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด