รีเซต

รฟม. แจงปมคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)

รฟม. แจงปมคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)
มติชน
19 กุมภาพันธ์ 2565 ( 19:33 )
65
รฟม. แจงปมคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุน รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ชี้แจงประเด็นที่ รฟม. ถูกอภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร ในญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2565 ที่เกี่ยวข้องกับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ดังนี้

 

1. การปรับปรุงวิธีการประเมินข้อเสนอ

1.1 คณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) (คณะกรรมการคัดเลือกฯ) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2563 ได้เห็นชอบประกาศเชิญชวนและเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (Request for Proposal : RFP) ซึ่งรวมถึงวิธีการคัดเลือกผู้ชนะโดยพิจารณาซองเทคนิคและซองการลงทุนและผลตอบแทนแยกจากกัน ซึ่ง รฟม. ได้ออกประกาศเชิญชวนฯ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มฯ เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2563 และได้ขายซองเอกสารสำหรับการคัดเลือกเอกชน (RFP) ระหว่างวันที่ 10-24 กรกฎาคม 2563 โดยมีผู้สนใจซื้อซองเอกสาร RFP รวม 10 ราย

1.2 รฟม. และคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ปรับปรุงวิธีการประเมิน โดยคำนึงถึงสภาพพื้นที่เส้นทางโครงการฯ ที่จำเป็นต้องอาศัยเทคนิคก่อสร้างที่มีคุณภาพและความปลอดภัยสูงสุด มาเป็นวิธีประเมินคะแนนด้านเทคนิคควบคู่ด้านผลตอบแทนและการลงทุนด้วยเหตุผล ดังนี้

· กรณีปัญหาและผลกระทบจากการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าของ รฟม. ที่ผ่านมาเช่น กรณีน้ำใต้ดินรั่วซึมเข้าสถานีสามยอดขณะก่อสร้างสถานีใต้ดินสายสีน้ำเงิน ความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนประชาชนโดยรอบพื้นที่ก่อสร้างโครงสร้างรถไฟฟ้าใต้ดิน รวมถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งล้วนมีปัญหามาจากการออกแบบและเทคนิคก่อสร้างทั้งสิ้น

· สายสีส้มส่วนตะวันตก ต้องก่อสร้างลอดผ่านย่านชุมชนหนาแน่น (ห้วยขวาง ประชาสงเคราะห์) ย่านเศรษฐกิจการค้าสำคัญ (ประตูน้ำ เพชรบุรีตัดใหม่) ย่านเมืองเก่า (ถนนราชดำเนินกลาง อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สนามหลวง โรงละครแห่งชาติ ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา รพ.ศิริราช สถานีรถไฟธนบุรี) นอกจากนี้ยังผ่านพื้นที่ซึ่งมีโบราณสถานและอาคารอนุรักษ์จำนวนมาก ซึ่งหากประสบปัญหาจากเทคนิคก่อสร้างที่ไม่ดีพอจะทำให้เกิดความเสียหายที่ไม่สามารถประเมินค่าได้

· ในการประเมินดังกล่าว จะตัดสินผู้ชนะโดยพิจารณาคะแนน ทั้งซองที่ 2 (ด้านเทคนิค) และซองที่ 3 (ด้านการลงทุนและผลตอบแทน) รวมเข้าด้วยกัน ซึ่งไม่ใช่การลดทอนความสำคัญด้านเทคนิคลง ในทางกลับกัน ยังเป็นการเพิ่มน้ำหนักความสำคัญของด้านเทคนิค ทำให้ได้ผู้ชนะที่มีประสบการณ์ด้านเทคนิคและเสนอวิธีการก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุดต่อสาธารณชน อันจะส่งผลต่อความสำเร็จของโครงการ

รฟม. ได้ออกประกาศยกเลิกการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564

 

2.การดำเนินงานคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ภายหลังจากการยกเลิกการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2564

2.1 ในช่วงเดือนเมษายน 2564 กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้มีการลาออกจากการเป็นกรรมการ ต่อมาเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2564 คณะกรรมการ รฟม. จึงมีคำสั่งแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิทดแทน

2.2  คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2564 เห็นชอบการนำแนวทางการจัดทำข้อตกลงคุณธรรมไปกำหนดใช้โดยอนุโลม สำหรับหน่วยงานของรัฐที่ดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างหรือการร่วมลงทุนภายใต้กฎหมายอื่นนอกเหนือจากพระราชบัญญัติการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 ซึ่งโครงการสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ต้องดำเนินการตามแนวทางดังกล่าวด้วย

2.3  สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ได้ออกประกาศ เรื่อง แนวทางปฏิบัติสำหรับการนำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้กับโครงการร่วมลงทุนที่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2564 ประกาศ ณ วันที่ 23 ธันวาคม 2564

2.4  ในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 สคร. ได้มีหนังสือแจ้ง รฟม. ว่า ในการดำเนินการคัดเลือกเอกชน จะต้องมีผู้สังเกตการณ์เข้าร่วมตั้งแต่เริ่มขั้นตอนการจัดทำร่างประกาศเชิญชวน ร่างเอกสารสำหรับคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาฯ ทั้งนี้ สคร. อยู่ระหว่างการประสานงานกับองค์กรต่อต้านคอรัปชัน (ประเทศไทย) เพื่อแจ้งรายชื่อผู้สังเกตการณ์ให้ รฟม. ต่อไป

2.5 ภายหลังจากที่ สคร. มีประกาศเรื่อง แนวทางปฏิบัติสำหรับการนำข้อตกลงคุณธรรมมาใช้กับโครงการร่วมลงทุนที่ดำเนินการตามพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 พ.ศ. 2564 รฟม. จึงได้ออกประกาศ รับฟังความคิดเห็นของภาคเอกชน เพื่อนำความคิดเห็นมาใช้ประกอบการจัดทำร่างประกาศเชิญชวน ร่างเอกสารสำหรับคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาฯ เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2565

 

3.แผนการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์)

เนื่องจากพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 ไม่ได้กำหนดแนวทางการจัดทำข้อตกลงคุณธรรมไว้ สคร. จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการจัดทำประกาศเพื่อกำหนดแนวปฏิบัติที่ชัดเจนและทำความตกลงกับองค์กรภาคเอกชนเพื่อเข้ามาเป็นผู้สังเกตการณ์ในการคัดเลือกเอกชน รฟม. จึงได้ปรับแผนการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เป็นดังนี้

กิจกรรมแผนดำเนินงาน

· คัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุน มี.ค.-ส.ค. 65

· ก่อสร้างโครงการ ก.ย. 65

· เปิดให้บริการโครงการส่วนตะวันออก ส.ค. 68

· เปิดให้บริการโครงการส่วนตะวันตก ธ.ค. 70

 

4.คำพิพากษาศาลปกครองกลาง คดีหมายเลขดำที่ 2280/2563

ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ 2280/2563 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ได้ฟ้องเรียกค่าเสียหายจากการถูกทำละเมิดเป็นเงินจำนวน 500,000 บาท นั้น ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง

 

5.มติคณะกรรมการ รฟม. เห็นชอบจ้างผู้ว่าการ รฟม.

คณะกรรมการ รฟม. ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ได้มีมติเห็นชอบจ้างนายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ เป็นผู้ว่าการ รฟม. ต่อ หลังจากครบกำหนดตามสัญญาจ้างปัจจุบัน เป็นไปตามมาตรา 8 จัตวา วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติคุณสมบัติมาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2518

 

ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) มีแนวเส้นทางเชื่อมระหว่างกรุงเทพมหานครทิศตะวันออกและทิศตะวันตก ระยะทาง 35.9 กิโลเมตร แบ่งเป็นส่วนตะวันออก (ช่วงศูนย์วัฒนธรรมฯ-มีนบุรี (สุวินทวงศ์)) ระยะทาง 22.5 กิโลเมตร จำนวน 17 สถานี (สถานีใต้ดิน 10 สถานี และสถานียกระดับ 7 สถานี) และส่วนตะวันตก (ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย) ระยะทาง 13.4 กิโลเมตร จำนวน 11 สถานี (สถานีใต้ดินตลอดสาย) ในการดำเนินงานที่ผ่านมา รฟม. ได้ดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย กฎ ระเบียบ มติคณะรัฐมนตรี และประกาศที่เกี่ยวข้อง โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานการดำเนินงานที่รัฐจะได้รับโครงการที่มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนผู้ใช้บริการ และประเทศไทยต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง