ผู้สมัคร 'ก้าวไกล' ร้องกกต.คืนสิทธิ ถูกข้อหาถือหุ้นสื่อ ทั้งที่เลิกทำมา 28 ปี

ผู้สมัคร ส.ก.ก้าวไกล ร้องกกต. คืนสิทธิเลือกตั้ง หลังถูกข้อหาถือหุ้นสื่อ ทั้งที่เลิกทำมา 28 ปี ชี้ตามกฎหมาย ความเป็นเจ้าของสื่อตนจึงได้สิ้นสุดลงตั้งแต่ปี 2539

12 เม.ย. 2565 - ที่สำนักงานกกต. นายพีรพล กนกวลัย ผู้สมัคร ส.ก. เขตพญาไท หมายเลข 7 พรรคก้าวไกล กล่าวภายหลังเข้ายื่นเรื่องร้องเรียนต่อกกต. กรณีถูกตัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ส.ก. เพราะถูกตรวจสอบพบมีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา 50 (3) แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นฯ พ.ศ. 2562 (ถือหุ้นสื่อ)

นายพีรพล กล่าวว่า เหมือนว่ากำลังใช้ข้อกล่าวหาเดิม ๆ มาเล่นงานผู้สมัครพรรคก้าวไกลอีกครั้ง ยอมรับว่าเคยยื่นจดแจ้งการพิมพ์หนังสือพิมพ์ เป็นเจ้าของกิจการ ผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา และบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ท่องธรรมชาติ ตั้งแต่ปี 2537 จริง แต่ได้พิมพ์ออกมาเพียง 6-7 ฉบับ และยุติกิจการในปีเดียวกัน

ตนเคยทำสื่อเมื่อ 28 ปีก่อน และได้หยุดดำเนินการไปนานแล้ว โดยไม่พิมพ์ต่ออีกเลย กรณีนี้ถึงไม่มีการแจ้งยกเลิก แต่ตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ. 2484 มาตรา 45 ระบุว่า หนังสือพิมพ์รายวัน ถ้ามิได้ออกโฆษณาต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลา 30 วัน หรือหนังสือพิมพ์รายคาบ ถ้ามิได้ออกโฆษณาต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาสี่คราวหรือเกินกว่า 2 ปี การเป็นผู้พิมพ์ ผู้โฆษณา บรรณาธิการและเจ้าของหนังสือพิมพ์นั้นเป็นอันสิ้นสุดลง ดังนั้น ความเป็นเจ้าของสื่อตนจึงได้สิ้นสุดลงตั้งแต่ปี 2539

ต่อมาเมื่อมี พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ พ.ศ. 2550 ก็ไม่เคยมีการไปขอจดแจ้งใหม่ เมื่อความเป็นเจ้าของสิ้นสุดเด็ดขาดตามข้อกฎหมายไปนานแล้ว ตนไม่เข้าใจว่าทำไมยังมีชื่อความเป็นเจ้าของปรากฏอยู่ตามกฎหมายใหม่

นายพีรพล กล่าวต่อว่า สิ่งที่สังเกตคือ ข้อกล่าวหาเป็นเจ้าของสื่อถูกนำมาใช้กับทั้งผู้สมัคร อดีต ส.ส.อนาคตใหม่ และอดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล คนแล้วคนเล่า แต่กรณีลักษณะแบบเดียวกันมักตีความให้เป็นคุณกับ ส.ส.ฝั่งรัฐบาลเสมอ จึงนำไปสู่คำถามว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายนี้คืออะไรกันแน่ ขณะนี้กำลังขอหลักฐานจากกองจดแจ้ง เพื่อยืนยันว่าไม่เคยมีการจดแจ้งเพิ่ม และความเป็นเจ้าของได้ขาดไปแล้วตั้งแต่ปี 2539 จากนั้นจะนำหลักฐานทั้งหมดไปยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อกกต. กรณีที่เกิดขึ้นจึงเป็นข้อสงสัยว่าจะมาตัดสิทธิกันด้วยข้อกล่าวหานี้ได้อย่างไร ขอให้กกต.เร่งพิจารณาแก้ไข และคืนสิทธิตนกลับมาโดยเร็ว