รักษาหลอดเลือดสมองอุดตัน ด้วยเทคนิคการลากลิ่มเลือดผ่าน Biplane DSA ลดความเสียหายต่อสมอง

โรคหลอดเลือดสมองขาดเลือดหรือภาวะสมองขาดดเลือด (Ischemic Stroke) คือ ภาวะที่การไหลเวียนของเลือดไปเลี้ยงสมองถูกขัดขวางหรืออุดตัน ทำให้เนื้อสมองไม่ได้รับออกซิเจนและสารอาหารอย่างเพียงพอ ส่งผลให้เซลล์สมองเริ่มตายภายในไม่กี่นาที เป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตและความพิการถาวรที่พบบ่อย หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
สาเหตุของภาวะสมองขาดเลือด
ภาวะนี้เกิดขึ้นจากการอุดตันของหลอดเลือดสมองหรือหลอดเลือดที่ส่งเลือดไปเลี้ยงสมอง ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย เช่น
- ลิ่มเลือด (Blood Clot) เกิดขึ้นในหลอดเลือดสมองโดยตรง หรือหลุดมาจากหัวใจและไปอุดตันหลอดเลือดสมอง
- ไขมันเกาะผนังหลอดเลือด (Atherosclerosis) ทำให้หลอดเลือดตีบแคบ
- ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Atrial Fibrillation) เพิ่มโอกาสเกิดลิ่มเลือดในหัวใจ
- โรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง
- การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป หรือขาดการออกกำลังกาย
การรักษาภาวะสมองขาดเลือด
- การรักษาต้องทำอย่างเร่งด่วนภายในเวลาที่กำหนดเพื่อช่วยลดความเสียหายของสมอง
- ให้ยาละลายลิ่มเลือด (rt-PA) ภายใน 4.5 ชั่วโมงหลังเกิดอาการ
- ให้ยาป้องกันการเกิดลิ่มเลือดซ้ำ เช่น ยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด
- การรักษาประคับประคอง เช่น ควบคุมความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด และการทำกายภาพฟื้นฟู
- เทคโนโลยีการลากลิ่มเลือด (Thrombectomy) ด้วย Biplane DSA
การรักษาหลอดเลือดสมองอุดตันด้วยการ ลากลิ่มเลือด (Thrombectomy) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดลิ่มเลือดที่อุดตันในเส้นเลือดสมอง กระบวนการนี้จะดำเนินการโดยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านระบบประสาทและหลอดเลือดสมอง ซึ่งแพทย์จะสอดสายสวน (Catheter) ขนาดเล็กเข้าไปทางหลอดเลือดที่ขาหนีบ เพื่อนำลิ่มเลือดออกจากหลอดเลือดที่อุดตันในสมอง ซึ่งการใช้ Biplane Digital Subtraction Angiography (Biplane DSA) ทำให้แพทย์เห็นภาพหลอดเลือดสมองและลิ่มเลือดได้อย่างชัดเจนจากหลายมุมมองพร้อมกัน ช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยงของหัตถการ
ซึ่งโรงพยาบาลเวชธานี มีทีมแพทย์ชำนาญการด้านระบบประสาทและหลอดเลือดสมองที่พร้อมให้การรักษาผู้ป่วยด้วยเทคนิคการลากลิ่มเลือดผ่าน Biplane DSA โดยเทคโนโลยีที่ทันสมัยนี้จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการรักษาและลดความเสี่ยงจากการทำหัตถการ ทำให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลอย่างครบวงจร
ข้อดีของการรักษาด้วยเทคนิคการลากลิ่มเลือดผ่าน Biplane DSA มีดังนี้
- ลดความเสียหายต่อสมองและเพิ่มโอกาสฟื้นตัว
- ลดความเสี่ยงการทำลายเนื้อเยื่อสมองเพิ่มเติม
- ลดเวลาในการรักษา เพิ่มโอกาสรอดชีวิต
- เหมาะกับผู้ป่วยที่มาถึงโรงพยาบาลภายใน 24 ชั่วโมงหลังเริ่มมีอาการ
อาการของภาวะสมองขาดเลือด
อาการมักเกิดขึ้นทันทีและต้องรีบไปโรงพยาบาลโดยด่วน โดยสามารถจดจำได้ง่ายด้วยหลัก BEFAST
- B (Balance) :: สูญเสียการทรงตัว รู้สึกเวียนศีรษะหรือเดินเซอย่างกะทันหัน
- E (Eyes) :: ปัญหาในการมองเห็น เช่น ภาพซ้อน มองไม่ชัด หรือตามัว ในตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง
- F (Face drooping) : หน้าบิดเบี้ยว ยิ้มไม่เท่ากัน
- A (Arm weakness) : แขนหรือขาอ่อนแรงข้างใดข้างหนึ่ง
- S (Speech difficulty) : พูดไม่ชัด พูดไม่ได้ หรือไม่เข้าใจคำพูด
- T (Time to call) : หากพบอาการเหล่านี้ ให้รีบโทรเรียกรถพยาบาลทันที
อาการอื่นที่อาจพบได้ เช่น เวียนศีรษะอย่างรุนแรง มองเห็นภาพซ้อน เดินเซ หรือหมดสติ
การวินิจฉัยภาวะสมองขาดเลือด
แพทย์จะใช้การตรวจหลายวิธีเพื่อหาสาเหตุและตำแหน่งการอุดตัน เช่น
• ตรวจร่างกายและระบบประสาท
• เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI)
• ตรวจหลอดเลือดสมอง (MRA, CTA)
• ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) เพื่อหาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
• ตรวจเลือดเพื่อประเมินปัจจัยเสี่ยง
การป้องกันภาวะสมองขาดเลือด
• ควบคุมความดันโลหิต น้ำตาล และไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์
• รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดเค็ม ลดไขมันอิ่มตัว
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
• เลิกสูบบุหรี่และจำกัดการดื่มแอลกอฮอล์
• ตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อค้นหาปัจจัยเสี่ยงแต่เนิ่น ๆ
ภาวะสมองขาดเลือด เป็นโรคที่ต้องแข่งกับเวลา การรู้เท่าทันอาการและรีบเข้ารับการรักษา จะช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดความพิการในระยะยาว โดยปัจจุบันมีเทคโนโลยี Biplane DSA ที่ช่วยให้การรักษามีความแม่นยำและปลอดภัยมากขึ้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
