รัฐเตรียมดันแหล่งน้ำพุร้อนไทยเป็น ‘เมืองออนเซ็น’
วันนี้ ( 23 ม.ค. 67)นางสาว สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งเป้าหมายจะยกระดับแหล่งน้ำพุร้อนภายในประเทศไทยอย่างเร่งด่วน ให้เป็น เมืองสปา แบบยุโรป หรือ เมืองออนเซ็น แบบญี่ปุ่น เพื่อให้เศรษฐกิจน้ำพุร้อนของไทยที่มีศักยภาพสูง โดดเด่นบนเวทีโลก สร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน และตอบโจทย์ความต้องการของนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ด้วยการพัฒนาเชื่อมโยงร้อยเรียงแหล่งน้ำพุร้อนในจังหวัดใกล้เคียงต่าง ๆ ทั้งระบบ เป็นเส้นทางท่องเที่ยว ‘สายน้ำพุร้อน’ หรือ ‘สายสุขภาพ’ รวม 7 เส้นทาง เพื่อสร้างแบรนด์การตลาดสู่ตลาดสากล กระจายการท่องเที่ยวสู่เมืองรอง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา บอกอีกว่า นอกจากนี้ จะยังมีการสร้างองค์ความรู้และแนวทางการพัฒนาแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีมาตรฐานสากลสอดคล้องกับการท่องเที่ยววิถีใหม่ นำไปเป็นต้นแบบในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนธรรมชาติต่อไป และจะยังมีการส่งเสริมพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถต่อยอดธุรกิจบริการสุขภาพที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำพุร้อนธรรมชาติ และการพัฒนาบุคลากรในพื้นที่ให้มีความรู้และทักษะในการให้บริการด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ สามารถพัฒนา ต่อยอด และถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพจากแหล่งท่องเที่ยวน้ำพุร้อนได้
จากการศึกษาและรวบรวมข้อมูลแหล่งน้ำพุร้อนภายในประเทศจากกรมทรัพยากรธรณีและสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่าประเทศไทยมีแหล่งน้ำพุร้อน มากถึง 118 แห่ง โดยแหล่งน้ำพุร้อนส่วนใหญ่อยู่ในภาคเหนือ 71 แห่ง รองลงมาเป็นภาคใต้ 32 แห่ง ภาคกลาง 12 แห่ง และภาคตะวันออก 2 แห่ง แต่แหล่งน้ำพุร้อนหลายๆ แห่ง ยังไม่มีการใช้ประโยชน์เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติสูงหรืออยู่ในพื้นที่ชนบทที่มีการเข้าถึงยาก หากสามารถพัฒนายกระดับสู่จุดหมายปลายทางด้านสปาน้ำพุร้อน จะทำให้มีนักท่องเที่ยวอยู่พักค้างคืน สามารถเพิ่มรายได้เป็น 100 - 200 เท่า จากเดิมที่สามารถเก็บรายได้ได้เพียง 5 - 20 บาท หาพัฒนาได้สำเร็จจะสามารถเก็บค่าที่พัก อาหาร ของฝาก และการเดินทางท่องเที่ยว สำหรับนักท่องเที่ยวไทย ได้ประมาณ 2,000 บาทต่อวัน ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติ อยู่ที่ประมาณ 4,000 บาทต่อวัน
ภาพจาก: TNN ONLINE