ประกันสังคมแจง เงินสมทบ 750 บาท

นางมารศรี ใจรังษี เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวถึงสิทธิที่ผู้ประกันตนจะได้รับความคุ้มครองจากการนำส่งเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคมทุกเดือนในอัตรา 5% ของค่าจ้าง ซึ่งนายจ้างก็ได้สมทบในอัตรา 5% เช่นกัน นอกจากนี้ ยังมีส่วนของรัฐบาลที่ร่วมสมทบในอัตรา 2.75% รวมทั้ง 3 ฝ่าย เป็น 12.75% สำหรับใช้ในการจ่ายสิทธิประโยชน์ทั้ง 7 กรณี ให้แก่ผู้ประกันตน ได้แก่ กรณีเจ็บป่วยหรือประสบอันตราย กรณีคลอดบุตร กรณีทุพพลภาพ กรณีตาย กรณีสงเคราะห์บุตร กรณีชราภาพ และกรณีว่างงาน โดยกำหนดเพดานค่าจ้างสูงสุดสำหรับคำนวณเงินสมทบไว้ที่อัตราเดือนละ 15,000 บาท ผู้ประกันตนที่มีเงินเดือนตั้งแต่ 15,000 บาทขึ้นไป จะชำระเงินสมทบ 5% จากเพดานค่าจ้างสูงสุด 15,000 บาท หรือเดือนละ 750 บาท นายจ้างจะสมทบด้วย 750 บาท และรัฐบาลร่วมสมทบอีก 412.50 บาท รวมเงินสมทบ 3 ฝ่าย 1,912.50 บาท
ทั้งนี้ ไม่ใช่ผู้ประกันตนทุกคนต้องชำระเงินสมทบ 750 บาทต่อเดือน ผู้ประกันตนมีค่าจ้างไม่ถึง 15,000 บาท จะชำระในอัตรา 5% ของค่าจ้างจริง เช่น ค่าจ้าง 10,000 บาท จะจ่ายเงินสมทบในอัตรา 500 บาทต่อเดือน เป็นต้น
นอกจากนี้ กรณีที่ผู้ประกันตนไม่เคยใช้สิทธิการรักษาพยาบาล รวมถึงไม่มีครอบครัว อาจรู้สึกว่าไม่คุ้มกับเงินสมทบที่นำส่ง ขอชี้แจงข้อมูลให้ทราบว่า ถึงแม้ผู้ประกันตนไม่เจ็บป่วย ไม่ได้ใช้สิทธิในการรักษาพยาบาล แต่กองทุนประกันสังคมได้จ่ายค่ารักษาพยาบาลในลักษณะเหมาจ่ายให้กับโรงพยาบาลคู่สัญญาเป็นประจำทุกเดือน เพื่อรองรับความเสี่ยงและให้ผู้ประกันตนสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ในยามจำเป็นหรือในเวลาฉุกเฉินได้ โดยไม่ต้องกังวลถึงค่าใช้จ่าย
ในกรณีที่ผู้ประกันตนที่ไม่เคยใช้สิทธิใดๆ เลย ก็ขอให้อุ่นใจได้ว่ายังมีเงินออมกรณีชราภาพคอยดูแลในยามเกษียณ นอกจากนี้ กรณีผู้ประกันตนเสียชีวิต ทายาทผู้มีสิทธิจะได้รับเงินค่าทำศพ เงินสงเคราะห์กรณีตาย และเงินบำเหน็จชราภาพของผู้ประกันตน เป็นหลักประกันว่า หากเกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้น ก็ยังมีสิทธิประโยชน์จากสำนักงานประกันสังคมให้การดูแลแก่ครอบครัวของผู้ประกันตนต่อไป