'อนุทิน' สยบลือถมวัคซีนลงบุรีรัมย์ - แจงตัวเลขแอสตร้าฯ ครึ่งแรก6แสน 18 มิ.ย.อีก 1 ล้าน
เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. ที่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ. และคณะผู้บริหาร สธ. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กลุ่มผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปี และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ที่ลงทะเบียนผ่านหมอพร้อม ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ถูกเลื่อนนัดการฉีดออกไป
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนต้องขอขอบคุณกรมควบคุมโรค กรมการแพทย์ ที่หารือกับกรุงเทพฯ ในการดูแลผู้สูงอายุ และคนมีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค ที่ลงทะเบียนหมอพร้อมในเดือน มิ.ย. ที่ถูกเลื่อนการฉีดออกไป ซึ่งมีข้อตกลงกันว่าจะนำผู้ถูกเลื่อนเหล่านี้มาฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อวันนี้ (16 มิ.ย.) มีผู้สูงอายุมาฉีดวันนี้วันแรกกว่า 1,000 คน ถือว่าวันนี้เราได้แบ่งเบาภาระของกทม. จะได้เกิดความชัดเจนว่าเราไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกัน ช่วยกันทำงาน มีอะไรที่ไม่เข้าใจกันก็ปรับจูนกัน เมื่อเข้าใจตรงกันแล้วก็กลับมาช่วยกันทำงานตามนโยบายหลักของท่านนายกรัฐมนตรี
นายอนุทิน กล่าวว่า ตนได้คุยกับผู้อาวุโสที่มารับวัคซีนวันนี้ พบว่ามีความพึงพอใจ มีความสุขที่ได้รับวัคซีน ขณะที่ผู้ ให้บริการก็มีความพึงพอใจ เป็นเกียรติ ที่ได้ให้บริการ ทั้งนี้ เราจำเป็นจะต้องฉีดให้กับ 2 กลุ่มนี้ก่อน โดยต้องขอทำความเข้าใจกับประชาชนทั่วไปด้วย เพราะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไป ในหลายประเทศแสดงผลชัดเจนว่าถ้าเราสามารถให้การดูแลผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัวได้จำนวนมากแล้ว สามารถลดอัตราการเสียชีวิตลงได้ อย่างมีนัยยะสำคัญ
“วันนี้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการย้ำให้กระทรวงสาธารณสุขเร่งดูแลผู้สูงอายุให้มากที่สุด ซึ่งวันนี้ได้มีการลงทะเบียนแล้ว10 กว่าล้านคน ก็จะต้องเร่งดูแล ส่วนต่างจังหวัด ปริมณฑลผู้ว่าราชการจังหวัดจะมีข้อมูลเรียบร้อยแล้ว เมื่อรับนโยบายมาแล้วก็จะเร่งดำเนินการฉีด” นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า วันนี้ วัคซีนมีมาเรื่อยๆ นับไม่ถูก ที่มีรายงานว่ามาวันนี้ก็เป็นเรื่องปกติ โดยวันนี้ (16 มิ.ย.) กรมควบคุมโรคได้รับมอบวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 6 แสนโดส เมื่อได้มาแล้วก็จะกระจายเลยตามสูตรการจัดสรรวัคซีนของศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) จากนั้นวันที่ 18 มิ.ย. จะรับมอบวัคซีนแอสตร้าฯ อีก 1 ล้านโดส รวมเป็น 1.6 ล้านโดส การจัดสรรทั่วประเทศ เน้นฉีดผู้สูงอายุ ทั้งในกทม.เป็นพื้นที่ระบาดจะได้สัดส่วนเยอะ แต่หากฉีดผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค เรียบร้อยแล้วจากนี้การจัดสรรวัคซีนก็จะเป็นไปตามสูตร เหมือนๆ กับจังหวัดอื่นๆ
เมื่อถามถึงกรณีมีรายงานข่าวมาอีกครั้งว่ามีการจัดสรรวัคซีนของแอสตร้าฯ จำนวนมากลงไปพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ นายอนุทิน กล่าวว่า เป็นเฟคนิวส์ ที่เก่ามากแล้ว
“ผมเป็นส.ส.บุรีรัมย์ แต่ก็เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทย ไม่ทำอะไรมักง่ายแบบนั้น เพราะทุกคนต่างก็รู้และจับจ้องอยู่แล้วว่าพื้นที่นั้นเป็นอย่างไร ถ้าทำแบบนั้นจริงๆ เท่ากับฆ่าตัวตาย การฉีดของบุรีรัมย์ไม่ได้แตกต่างจากจังหวัดอื่น” นายอนุทิน ระบุ
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าเพื่อความโปร่งใสตรวจสอบได้สามารถจะเปิดเผยตัวเลข การจัดสรรวัคซีนไปยัง จ.บุรีรัมย์ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตนมีหน้าที่ในการดูระดับนโยบายไม่ได้มีหน้าที่ในการลงไปดูตัวเลขในรายจังหวัดขนาดนั้น จึงไม่ทราบ
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณ one stop service สำหรับดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคนั้นเป็นไปอย่างคึกคัก ระหว่าง ที่นายอนุทิน เดินตรวจเยี่ยมได้มีการสนทนากับผู้สูงอายุทุกคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้มและแสดงความขอบคุณทั้งนี้ พบว่ามีคุณยายเชื้อสายจีน ได้ทำการสื่อสารกับนายอนุทินใจความโดยสรุปทราบว่าเป็นผู้สูงอายุ กว่า 80 ปี ลงทะเบียนกับหมอพร้อมและนัดฉีดในวันที่ 16 มิ.ย. ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง เมื่อเดินทางไปถึงโรงพยาบาล โรงพยาบาลแจ้งว่าเลื่อนการฉีดออกไปไม่มีกำหนด ลูกสาวจึงได้ประสานมาที่สถานีกลางบางซื่อและเข้ารับการฉีดวัคซีนทำให้ตนดีใจมาก เพื่อที่จะได้มีภูมิคุ้มกันตัวเอง