รีเซต

ตลท.ไฟเขียว “PEACE” เริ่มซื้อขายใน SET 10 ก.พ. ราคา IPO หุ้นละ 3.98 บ.

ตลท.ไฟเขียว “PEACE” เริ่มซื้อขายใน SET 10 ก.พ. ราคา IPO หุ้นละ 3.98 บ.
ทันหุ้น
9 กุมภาพันธ์ 2565 ( 10:32 )
216

ทันหุ้น - ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประกาศรับหลักทรัพย์  “PEACE”  เริ่มซื้อขาย 10 ก.พ. โดยกำหนดราคา IPO ที่หุ้นละ 3.98 บาท 

 

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยินดีต้อนรับบมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “PEACE” ในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2565

 

PEACE ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบเพื่อขาย ประเภทบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม โดยบริษัทเน้นการพัฒนาที่อยู่อาศัยในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลเป็นหลัก ปัจจุบันดำเนินโครงการภายใต้แบรนด์ Cordiz, The Glamor และ Cher ซึ่งเป็นการแบ่งเพื่อนำเสนอโครงการให้สอดคล้องตามลักษณะกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทั้งนี้ PEACE มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จ อยู่ระหว่างขายทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่าประมาณ 4,700 ล้านบาท และโครงการในอนาคต 3 โครงการ มูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท

 

PEACE มีทุนชำระแล้วหลัง IPO 420 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 336 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 84 ล้านหุ้น โดยเสนอขายระหว่างวันที่ 2 - 4 และ 7 กุมภาพันธ์ 2565 ในราคาเสนอขายหุ้นละ 3.98 บาทคิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 334.32 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ณราคา IPO 1,671.6 ล้านบาท การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ที่ 8.47 เท่า โดยคำนวณจากผลกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง หารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (FullyDiluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.47 บาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์(ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ

นายประสพศักดิ์ ศิริโสภณาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. พีซแอนด์ลีฟวิ่ง (PEACE) เปิดเผยว่าการนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน ทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในเชิงรุกมากขึ้น เมื่อประกอบกับอัตราหนี้สินต่อทุนของบริษัทที่อยู่ในระดับต่ำ จะช่วยให้บริษัทมีโอกาสในการสร้างผลประกอบการให้เติบโตโดย PEACE มีแผนจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปใช้เป็นเงินลงทุนซื้อที่ดินสำหรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคตตามแผนงานที่วางไว้

 

PEACE มีนโยบายจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังจากหักภาษี และทุนสำรองตามกฎหมายและสำรองอื่น ๆ ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลจะขึ้นอยู่กับสภาวะเศรษฐกิจ กำไรจากการดำเนินงาน แผนการลงทุนต่างๆ ในอนาคต

 

ทั้งนี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1)กลุ่มครอบครัวศิริโสภณาถือหุ้น42.45%2)กลุ่มครอบครัวเตชะไกรศรีถือหุ้น 4.83% และ 3) นายชุมพล พรประภาถือหุ้น 4.56%

 

ผู้ลงทุนและผู้สนใจโปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงานก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.peaceandliving.co.th และที่เว็บไซต์ www.set.or.th

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง