รีเซต

ร้อยเรื่องราว ผ่านบทเพลง จาก "แหม่มปลาร้า" ถึง "ชีวิตเมียเช่า" สะท้อนเงาปัญหาผู้หญิงในกับดักความเหลื่อมล้ำ

ร้อยเรื่องราว ผ่านบทเพลง จาก "แหม่มปลาร้า" ถึง "ชีวิตเมียเช่า" สะท้อนเงาปัญหาผู้หญิงในกับดักความเหลื่อมล้ำ
TNN ช่อง16
27 เมษายน 2567 ( 20:28 )
26
ร้อยเรื่องราว ผ่านบทเพลง จาก "แหม่มปลาร้า" ถึง "ชีวิตเมียเช่า" สะท้อนเงาปัญหาผู้หญิงในกับดักความเหลื่อมล้ำ

บทความนี้จะชวนให้ผู้อ่านทุกท่านได้ทำความเข้าใจชีวิตของผู้หญิงเหล่านั้น ในบริบทสังคมที่พวกเธอเผชิญในยุคสมัยนั้น มองเห็นมุมมองและเงื่อนไขต่างๆ ที่อาจเป็นข้อจำกัด หรือไม่เอื้อให้ผู้หญิงได้เลือกในสิ่งที่ดีกว่า เราจะได้เรียนรู้และเปิดใจมองเห็นคุณค่าที่แท้จริงของความเป็นมนุษย์ ไม่ตัดสินคนเพียงภาพลักษณ์ภายนอก หรือสถานะทางสังคม อีกทั้งยังจะได้ร่วมกันสะท้อนคิดถึงปัญหา และแนวทางการแก้ไข เพื่อสร้างสังคมที่ทุกคนมีโอกาสและได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม มีศักดิ์ศรี และมีทางเลือกที่ดีในการดำรงชีวิต


"แหม่มปลาร้า-ชีวิตเมียเช่า" ตอกย้ำสังคมไทยยังไม่เท่าเทียม


เพลงลูกทุ่งอมตะ "แหม่มปลาร้า" และเพลงดังในปัจจุบัน "ชีวิตเมียเช่า" ล้วนเป็นกระจกสะท้อนภาพความจริงในสังคมไทยผ่านคำร้อง ทั้งในอดีตสมัยที่ทหารอเมริกันเข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทยเมื่อครั้งยุคสงครามเวียดนาม จวบจนถึงปัจจุบันที่ปัญหา "เมียเช่า" ก็ยังคงดำรงอยู่ในสังคมไทย เพียงแต่อาจจะแฝงตัวในรูปแบบที่ต่างไป


เพลง "แหม่มปลาร้า" ประพันธ์โดยครูชลธี ธารทอง สะท้อนปรากฏการณ์ที่ทหารอเมริกันเข้ามาพร้อมเงินดอลลาร์และไลฟ์สไตล์หรูหรา จนทำให้หญิงสาวไทยจำนวนไม่น้อยใฝ่ฝันอยากแต่งงานเป็นภรรยาของพวกเขา หวังจะหนีความยากจนไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า ดังเนื้อเพลงที่ว่า "ทำไมไม่ไปอยู่อเมริกา คุณหญิงดอลลาร์กลับมาทำไมเมืองไทย" แต่เมื่อถึงเวลาทหารอเมริกันต้องถอนตัวกลับไป หญิงไทยที่เป็นภรรยาพวกเขากลับถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ความฝันที่จะได้ไปอยู่เมืองนอกก็ต้องพังทลายลง


ครูชลธี ธารทอง เคยระบุว่า  การเขียนบทเพลง "แหม่มปลาร้า" ของครูชลธี ธารทอง นั้น สะท้อนให้เห็นภาพสังคมไทยในยุคที่ทหารอเมริกัน หรือที่เรียกกันว่า "จีไอ" เข้ามาตั้งฐานทัพในประเทศไทยเมื่อประมาณ 30-40 ปีก่อน ซึ่งในช่วงนั้น ได้เกิดปรากฏการณ์ที่ทหารอเมริกันจีบและแต่งงานกับหญิงสาวชาวไทยจำนวนมาก จนเกิดคำเรียกผู้หญิงไทยที่แต่งงานกับทหารอเมริกันว่า "แหม่มปลาร้า" หรือ "เมียฝรั่ง"


ครูชลธี ได้พบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยตนเอง จึงเกิดแรงบันดาลใจในการเขียนเพลง "แหม่มปลาร้า" ขึ้นมา โดยในตอนแรกนั้น ครูชลธีตั้งใจจะเขียนเพลง "ผู้หญิงดอลล่า ภาค 2" ต่อจากเพลง "ผู้หญิงดอลล่า" ที่ให้ ชม นทีทอง ขับร้อง แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นบทเพลง "แหม่มปลาร้า" ที่โด่งดังจนถึงปัจจุบัน

เนื้อหาของเพลงนี้ได้กล่าวถึงชีวิตของหญิงสาวชาวไทยที่แต่งงานกับทหารอเมริกัน ซึ่งในช่วงแรกนั้นดูเหมือนจะมีความสุขและสบายดี แต่หลังจากที่สามีชาวอเมริกันถอนทัพกลับประเทศ พวกเธอกลับต้องเผชิญกับชะตากรรมอันน่าเศร้า เพราะไม่สามารถตามสามีไปอยู่ที่อเมริกาได้ ต้องจากลาด้วยความอาลัยอาวรณ์และคิดถึง ดังเนื้อเพลงที่ว่า "พอเค้าถอนทัพกลับอเมริกา บรรดาสาวไทยที่เป็นเมียฝรั่งก็ได้แต่มองเครื่องบินเพราะไปไม่ได้"


"เสียงคนลือกะแลงเซ้า 

ว่าน้องเป็นเมียเช่า พวกทหารฝรั่ง 

กะแล้วแต่เขาเฮานี้มีสะตังค์ 

เขาบ่ฮู้อิหยังกะพากันเว้าไป"


ส่วนเพลงฮิตติดหูอย่าง "ชีวิตเมียเช่า" ที่โด่งดังเป็นไวลัล ในโลกออนไลน์อยู่ในขณะนี้ กลับสะท้อนมุมมืดของผู้หญิงบางกลุ่มที่ต้องกลายเป็น "เมียเช่า" ของทหารต่างชาติ เพื่อแลกเปลี่ยนกับเงินทองและการเลี้ยงดู ซึ่งส่วนใหญ่ก็มาจากความยากจน ขาดโอกาสทางการศึกษา 


ดังเนื้อเพลงที่ว่า "การศึกษาน้องนี้กะต่ำต้อย ทางเลือกกะน้อยมากนี้ด้วยหนี้สิน" หรือเพราะภาระที่ต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัว "สิให้เฮ็ดจั่งได๋พ่อแม่เพิ่นถ่าอยู่" แม้จะได้เงินดอลลาร์มาใช้จ่าย แต่ "เมียเช่า" เหล่านี้ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียศักดิ์ศรี ถูกดูถูกเหยียดหยาม และอับอายขายหน้า


เพลงทั้ง 2 บทนี้เตือนใจให้สังคมไทย โดยเฉพาะผู้ชาย เปิดใจเข้าใจและเห็นใจผู้หญิงมากขึ้น ไม่ควรตัดสิน ดูถูก หรือลดทอนคุณค่าของผู้หญิงจากอาชีพหรือภาพลักษณ์ภายนอก เพราะบ่อยครั้งที่ผู้หญิงต้องเลือกเส้นทางที่สังคมมองว่าไม่ดีงาม เพราะความจำเป็นบีบบังคับ พวกเธอมีข้อจำกัด ไม่มีโอกาสเลือกทางเดินชีวิตมากนัก สิ่งที่ตัดสินใจไปอาจเป็นหนทางที่ดีที่สุดในสถานการณ์ตอนนั้นๆ ที่ถูกบีบคั้น ทุกคนในสังคมจึงควรเปิดใจ ไม่ด่วนตัดสิน คอยให้โอกาส และมองอย่างเข้าใจ 


"เมียเช่า" ไม่ได้หายไปไหน! เงาสะท้อนความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย รอการแก้ไข


อย่างไรก็ตาม แม้เวลาจะผ่านมานาน แต่ปัญหา "เมียเช่า" ก็ยังคงแฝงอยู่ในสังคมไทยปัจจุบัน ไม่ได้หายไปไหน สาเหตุหลักเกิดจากความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ การศึกษา การเข้าถึงโอกาส ค่านิยมที่มองผู้หญิงเป็นสินค้า การถูกคุกคามทางเพศ หรือแม้แต่ขบวนการค้ามนุษย์ ผู้หญิงจำนวนไม่น้อยไม่มีความรู้ ไม่กล้าขอความช่วยเหลือ ไม่สามารถเข้าถึงช่องทางคุ้มครองสิทธิ หนทางแก้ปัญหาจึงต้องร่วมมือกันหลายภาคส่วน 


รัฐบาลควรสนับสนุนการศึกษา ส่งเสริมการจ้างงานและความเท่าเทียมทางเพศ องค์กรภาคเอกชนต่างๆ ร่วมต่อต้านการค้ามนุษย์ หันมาพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ไม่เอาเปรียบผู้หญิง ขณะที่ประชาสังคมก็แสดงบทบาทสร้างจิตสำนึก ขยายการรับรู้ ให้ความช่วยเหลือเมื่อพบเห็นความไม่ถูกต้อง ที่สำคัญที่สุดคือ ผู้หญิงเองต้องไม่ยอมแพ้ ต้องพัฒนาตนเอง แสวงหาความรู้ ฝึกฝนทักษะ และกล้าที่จะปกป้องตัวเองจากการถูกเอารัดเอาเปรียบ


ปัญหา "เมียเช่า" ที่แฝงในสังคมไทย เป็นเสมือนเงาสะท้อนความเหลื่อมล้ำ การกดขี่ และค่านิยมที่ผิดพลาดเกี่ยวกับผู้หญิง เราทุกคนต้องร่วมกันเป็นส่วนหนึ่งของคำตอบ ไม่นิ่งดูดาย เพื่อสร้างสังคมที่ผู้หญิงมีคุณค่าในตัวเอง เท่าเทียม และมีโอกาสพัฒนาศักยภาพเต็มที่ นี่คือบทเรียนสำคัญที่เราต้องช่วยกันจดจำ และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงไปด้วยกัน


ผู้หญิงและเด็กในกับดักการค้ามนุษย์: บทบาทของสังคมไทยในการแก้ไขปัญหา


ปัญหาการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะการบังคับผู้หญิงให้เป็น "เมียเช่า" ยังคงเป็นประเด็นท้าทายในสังคมไทย แม้รัฐบาลจะพยายามป้องกันและปราบปรามมาอย่างต่อเนื่อง แต่อาชญากรรมนี้ก็ยังแฝงอยู่ในรูปแบบต่างๆ


จากรายงาน Trafficking in Persons Report 2022 ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Tier 2 ซึ่งแสดงว่ารัฐบาลไทยมีความพยายามในการแก้ไขปัญหา แต่ก็ยังไม่ผ่านมาตรฐานขั้นต่ำในการขจัดการค้ามนุษย์


ข้อมูลจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ระบุว่า ในปี 2564 มีเหยื่อจากการค้ามนุษย์ที่ได้รับการช่วยเหลือทั้งสิ้น 414 ราย โดยแบ่งเป็นผู้หญิง 317 ราย ผู้ชาย 97 ราย ในจำนวนนี้ เป็นผู้เสียหายจากการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ 111 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็กหญิง


นอกจากการบังคับค้าประเวณีแล้ว การค้ามนุษย์ในรูปแบบอื่นๆ ที่พบในไทย ได้แก่ การบังคับใช้แรงงาน การนำพาผู้อื่นไปขอทาน รวมถึงการบังคับให้เป็น "เมียเช่า" ซึ่งผู้หญิงและเด็กมักตกเป็นเหยื่อ เนื่องจากมีความเปราะบางสูง โดยอาชญากรมักหลอกลวงด้วยข้อเสนอที่ดูน่าสนใจ เช่น การจ้างงานในต่างประเทศ การแต่งงาน แต่กลับบังคับให้ค้าประเวณีหรือเป็น "เมียเช่า"


การค้ามนุษย์นับเป็นอาชญากรรมร้ายแรงที่สร้างผลกระทบต่อเหยื่ออย่างใหญ่หลวง ทั้งร่างกาย จิตใจ และการสูญเสียศักดิ์ศรี รัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการเข้มงวดขึ้น ทั้งการปราบปรามขบวนการค้ามนุษย์ เพิ่มโทษทางกฎหมาย ให้ความช่วยเหลือเหยื่อ รวมถึงรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ในสังคม


อย่างไรก็ตาม ความพยายามของภาครัฐอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งภาคเอกชน ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน ต้องช่วยกันสอดส่องดูแล แจ้งเบาะแส คุ้มครองกลุ่มเปราะบาง สร้างโอกาสการทำงานที่เป็นธรรม และที่สำคัญที่สุดคือปลูกฝังค่านิยมที่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียม ไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อสร้างสังคมที่ผู้หญิงและเด็กปลอดภัยจากการถูกแสวงหาประโยชน์ในทุกรูปแบบ


 แก้ปัญหา "เมียเช่า" - ค้ามนุษย์ ต้องร่วมมือทุกภาคส่วน ผู้หญิงลุกขึ้นสู้ พัฒนาศักยภาพ 


บทเพลง "แหม่มปลาร้า" และ "ชีวิตเมียเช่า" สะท้อนภาพความเหลื่อมล้ำและปัญหาสังคมที่ผู้หญิงต้องเผชิญ ทั้งในอดีตยุคที่ทหารอเมริกันเข้ามา และปัจจุบันที่การเป็น "เมียเช่า" ยังคงมีอยู่ ปัญหาเหล่านี้เกิดจากความยากจน การขาดโอกาสทางการศึกษาและอาชีพ รวมถึงค่านิยมที่ไม่เท่าเทียมทางเพศ ดังนั้น สังคมไทยโดยเฉพาะผู้ชายควรเปิดใจ ทำความเข้าใจ ไม่ตัดสิน ดูถูก หรือลดทอนคุณค่าผู้หญิง เพราะหลายครั้งพวกเธอมีทางเลือกจำกัด ต้องเลือกในสิ่งที่ไม่ดีนักเพื่อความอยู่รอด เราทุกคนจึงควรให้โอกาส และมองเห็นคุณค่าที่มีในตัวผู้หญิงแต่ละคน


การแก้ปัญหา "เมียเช่า" และการค้ามนุษย์ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐในการสนับสนุนการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มโอกาสการทำงานและรายได้ให้ผู้หญิง ภาคเอกชนในการสร้างธุรกิจและการจ้างงานอย่างเป็นธรรม ต่อต้านการค้ามนุษย์ ภาคประชาสังคมในการให้ความรู้ แจ้งเบาะแส ช่วยเหลือผู้เสียหาย รวมถึงสื่อมวลชนในการสร้างความตระหนักรู้และปลุกจิตสำนึกสาธารณะ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ตัวผู้หญิงเองต้องกล้าพัฒนาศักยภาพ แสวงหาทางเลือกใหม่ๆ และยืนหยัดปกป้องตัวเอง สังคมที่ผู้หญิงมีคุณค่าและโอกาสเท่าเทียมจึงจะเกิดขึ้นได้




ภาพ Getty Images 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม