'บัวผัน' โผล่แล้ว! เผยเหตุตั้งโอนสายเข้าโรงพัก โดนแก๊งทวงหนี้ขู่หนัก อึ้งจู่ๆ หนี้บาน
ข่าววันนี้ จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำห้องวิทยุ สภ.เมืองนนทบุรี ต้องมาปวดหัวและเสียสุขภาพจิตเป็นอย่างมาก ถูกแก๊งเงินกู้โทรศัพท์ติดตามมาทวงเงินในแต่ละผลัดกว่า 50 ครั้งต่อวัน หลังหญิงสาวที่ชื่อ "บัวผัน" ตั้งโอนเบอร์ปลายทางอัตโนมัติให้เป็นเบอร์ของห้องรับแจ้งเหตุด่วนเหตุร้ายของ สภ.เมืองนนทบุรี
ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 10 ก พ.65 ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ จ.นนทบุรี น.ส.บัวผัน อายุ 35 ปี ได้เดินมาเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.รัตนาธิเบศร์ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ถูกแก๊งเงินกู้จากแอพฯ นกน้อยโทรติดตามข่มขู่ถึงยอดหนี้ที่ค้างชำระ จนต้องตัดสินใจตั้งโอนเบอร์ปลายทางอัตโนมัติไปที่เบอร์รับแจ้งเหตุของ สภ.เมืองนนทบุรี
โดย น.ส.บัวผัน เปิดเผยว่า ตนไม่ได้ตั้งใจจะตั้งโอนเบอร์ปลายสายไปที่โรงพัก แต่เนื่องจากถูกแอพฯ เงินกู้รายนี้โทรติดตามข่มขู่ทวงเงินอย่างต่อเนื่องจนไม่สบายใจ จึงตัดสินใจหาเบอร์ของเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตั้งโอนปลายสายอัตโนมัติไว้ เพราะคิดว่าเมื่อแอพฯ เงินกู้โทรมาทวงหนี้จะได้คุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแทน และจะได้เลิกติดตามมาข่มขู่ทวงหนี้กับตน ซึ่งตนต้องขอโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพักแห่งนั้นด้วย ที่ไปสร้างเดือดร้อนรำคาญให้ โดยที่ตนก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้เหตุการณ์เป็นแบบนั้น
น.ส.บัวผัน กล่าวต่ออีกว่า ตนตัดสินใจลองสมัครแอพฯ กู้เงินรายนี้ประมาณวันที่ 22 ม.ค.ที่ผ่านมา ในวงเงิน 6,500 บาท หลังสมัครกดไปแล้วก็มียอดเงินเข้ามาที่บัญชีตนเพียง 2,800 บาท ส่วนจำนวนเงินที่หายไปอีก 3,700 บาท ทางแอพฯ อ้างว่าหักเป็นค่าดำเนินการและค่าดอกเบี้ยล่วงหน้าแล้ว จากนั้นต่อมาก็มีเงินเด้งเข้าบัญชีตนตามมาติดๆ อีก 3 แอพฯรวด โดยที่ตนยังไม่ได้กดสมัครอะไรไป เป็นยอดเงิน 1,800 บาท ทั้งสามแอพฯ
ซึ่งก็สร้างความสงสัยให้กับตนเป็นอย่างมาก จึงได้สอบถามกลับไปที่คอลเซ็นเตอร์ของแอพฯ ทำให้ตนเพิ่งรู้ว่า การที่ตนกดสมัครแอพฯ กู้เงินไปเพียงแห่งเดียวก็ตามจะถูกนำชื่อไปผูกพันกับแอพฯ ในเครืออีกด้วย ทำให้แอพฯ อีก 3 แอพฯ ส่งเงินเข้าบัญชีตนมาโดยอัตโนมัติ โดยยอดเงิน 1,800 บาท ที่ตนได้มานั้นเป็นที่ถูกหักมาแล้วจากยอดกู้เต็มจำนวน 3,000 บาท เท่ากับตนถูกหักค่าดำเนินการกับดอกเบี้ยไปอีกแอพฯละ 1,200 บาท
น.ส.บัวผัน กล่าวอีกว่า หลังรู้ว่าแอพฯเงินกู้ดังกล่าว ส่งเงินเข้าบัญชีตนมาเพิ่มอีก 3 แอพฯ ตนได้พยายามจะติดต่อขอคืนในทันทีแต่ถูกคอลเซ็นเตอร์แจ้งว่า หากตนจะคืนเงินต้องคืนกลับมาอีกแอพฯ ละ 3,000 บาท ทำให้ตนตัดสินใจนำเงินที่ได้มาจาก 3 แอพฯสุดท้าย คืนเงินเพื่อปิดยอดไปแอพฯหนึ่ง ทำให้ตนยังคงค้างยอดเงินที่เหลือไว้กับแอพฯอีกจำนวนหนึ่ง และถูกโทรติดตามข่มขู่ทวงหนี้วันละหลายรอบทุกวัน จนทนไม่ไหวจึงตัดสินใจตั้งโอนปลายทางไปเป็นเบอร์ของโรงพักแทน
ต่อมาภายหลังจากเข้าแจ้งความแล้ว น.ส.บัวผัน ได้เข้าพบกับ พ.ต.อ.เมษนนท์ นาขวัญ ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยติดตามหาตัวแก๊งทวงหนี้ที่เข้าข่ายทวงหนี้ในลักษณะผิดกฏหมายและเรียกเก็บอัตราดอกเบี้ยเกินที่กฎหมายกำหนดต่อไป