“Winnonie” แพลตฟอร์มเช่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ฝีมือคนไทย !!

“Winnonie” คืออะไร ?

ปฎิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในเหตุผลที่เทคโนโลยีและนวัตกรรม ได้ถูกคิดค้นและพัฒนาให้เกิดขึ้นจริง ก็เพื่อเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในการดำเนินชีวิตของมนุษย์เรา หนึ่งในนั้นก็คือ แพลตฟอร์มฝีมือคนไทยที่ชื่อว่า "Winnonie" 

"Winnonie" คือบริการให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า ที่มาพร้อมสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรีไม่จำกัดครั้ง ตลอด 24 ชั่วโมง เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อมุ่งลดภาระค่าใช้จ่าย และยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้ประกอบอาชีพวินมอเตอร์ไซค์ หรือผู้ประกอบอาชีพที่จำเป็นต้องใช้รถมอเตอร์ไซค์ ซึ่งมีอยู่จำนวนไม่น้อยเลยในประเทศไทยนี้ โดย Winnonie จะมีค่าเช่าตกประมาณเดือนละ 4,500 บาท หรือวันละ 150 บาท สามารถช่วยวินมอเตอร์ไซค์ประหยัดไปได้มากกว่า 50%

• จากสถิติการขนส่ง กองแผนงาน กรมการขนส่งทางบก ระบุว่า ในประเทศไทย มีจำนวนรถจักรยานยนต์สาธารณะที่จดทะเบียนสะสมอยู่ไม่ต่ำกว่า 140,000 คัน (31 มกราคม 2566)
  
  
• เดือน ๆ นึงถ้าในช่วงน้ำมันแพง วินมอเตอร์ไซค์จะมีค่าใช้จ่ายสูงตกหมื่นบาทต่อเดือน 

“Winnonie” ใช้งานอย่างไร ?

Winnonie มาจากคำ 4 คำ มีคำว่า Win ซึ่งหมายถึงวินมอร์เตอร์ไซค์ สองคือ nonie คือไม่มีหนี้ และสามคือคำว่านวัตกรรม Innovation คือการนำนวัตกรรมมาช่วยให้วินมอเตอร์ไซค์ไม่มีหนี้ โดยแพลตฟอร์มนี้ เป็นผลงานการพัฒนาจากสตาร์ตอัปภายในองค์กรตัวแรกของเครือบางจาก ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero 

การทำงานของแพลตฟอร์ม Winnonie ประกอบไปด้วยเทคโนโลยีหลัก ๆ 3 ส่วน คือ

1. รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า - เป็นรถนำเข้า มีขนาดเครื่องยนต์เทียบเท่ากับรถน้ำมันขนาด 125 ซีซี กำลังขับ 3,000 วัตต์มอเตอร์ แบตเตอรี 2 ลูก ระยะทางการใช้งาน อยู่ระหว่าง 80-100 กิโลเมตร ขึ้นอยู่กับความเร็วและน้ำหนักบรรทุก ความเร็วสูงสุดจะทำได้ที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

2. แบตเตอรีพร้อมใช้งาน และสถานีเปลี่ยนแบตเตอรี - สามารถสับเปลี่ยนแบตเตอรีที่ใช้เวลาไม่เกิน 5 นาที ขณะที่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั่วไปต้องใช้เวลาในการชาร์จที่นานกว่า แบตเตอรีลิเทียมแต่ละลูก จะถูกชาร์จไว้เต็ม 100% อยู่ในตู้ของสถานีสับเปลี่ยนแบต 

โดยตู้สับเปลี่ยนแบตเอง แรกเริ่มเดิมที มีจำนวน 24 ช่อง แต่ปัจจุบัน พัฒนาให้เหลือจำนวน 8 ช่องเพื่อความสะดวกในการติดตั้ง แต่ยังคงเพียงพอต่อความต้องการในการชาร์จ รวมถึงจำนวนตู้สามารถเพิ่มจำนวนได้ ตามขนาดพื้นที่ ของที่ตั้งแต่ละสถานี 

ปัจจุบันมีสถานีสับเปลี่ยนแบตติดตั้งอยู่ในบริเวณสถานีบริการน้ำมันของบางจาก จำนวน 60 แห่งทั่วกทม.และปริมณฑล ซึ่งในแต่ละสถานีจะมีระบบ Monitoring หรือเฝ้าติดตาม ผ่านกล้อง CCTV ที่ติดตั้งไว้เพื่อความปลอดภัย และเพื่อให้ผู้พัฒนาสามารถอำนวยความสะดวก ในกรณีที่เกิดปัญหาขณะมีผู้ใช้งานได้ มีเซนเซอร์ ไฟรั่ว ไฟเกิน เกิดควันไฟ น้ำท่วมหรือมีการชนตู้พวกนี้เซนเซอร์จะรายงานเข้าสู่คอลเซ็นเตอร์ส่วนกลาง 24 ชั่วโมง 

3. แอปพลิเคชัน - การเปลี่ยนแบตเตอรีจะทำผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งเราจะได้รับ QR Code ประจำตัว หลังจากสมัครใช้ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันตัวตนที่ตู้ เมื่อต้องการจะเปลี่ยนแบตเตอรี โดยวิธีการก็ไม่ซับซ้อน เพียงสแกนยืนยันตัวตนหน้าตู้ จากนั้นประตูของช่องที่แบตเตอรีเต็มพร้อมใช้งานก็จะเด้งออกมา

ทั้งนี้เราต้องนำแบตจากตัวรถออกมาก่อน เพื่อจะสลับแบตเข้าไปแทนที่ก้อนที่นำออกมาจากตู้ชาร์จ  ขณะที่ฟังก์ชันการใช้งานภายในแอปฯ สามารถทำได้ทั้งค้นหาสถานีเปลี่ยนแบต ดูจำนวนแบตเตอรีที่พร้อมใช้งาน จองแบตเตอรีได้ล่วงหน้า รวมถึงชำระค่าบริการ 

ข้อจำกัดของ “Winnonie” 

ถึงแม้ว่าแพลตฟอร์ม Winnonie จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าผ่อนรถจักรยานยนต์ และค่าดูแลรักษาได้มากขึ้น แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างสำหรับผู้ใช้งาน ทั้งในเรื่องของตัวรถ และข้อควรระวังในการใช้งานแบตเตอรี โดยรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้านั้นใช้งานง่าย เหมือนแค่กดปุ่มสวิตช์ก็วิ่งได้เลย เพียงแต่ต้องระวังเรื่องการออกตัว เพราะว่า อัตราเร่งสูงมาก 

หรือว่าการเบรก เพราะคือระบบไฟฟ้ากดเบรกหรือว่าตัดสวิตช์ปุ๊บ หยุดเลยจะไม่เหมือนรถน้ำมันที่ชะลอการเบรก ผู้ใช้งานอาจจำเป็นต้องเข้าใจหรือศึกษาเรื่องนี้ก่อน

แพลตฟอร์ม "Winnonie" ในปัจจุบัน

• ปัจจุบัน Winnonie มีผู้ใช้งานมากกว่า 800 คน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวินจักรยานยนต์ ไรเดอร์ส่งอาหาร และเมสเซนเจอร์ส่งสิ่งของ
  
  
• ราคาในการให้บริการมี 3 รูปแบบให้เลือก คือ สัญญาเช่า 1 เดือน 5,400 บาท, เช่า 3 เดือน 4,800 บาท, และเช่า 6 เดือน 4,200 บาท
  
  
• บริการเปลี่ยนแบต ได้ไม่จำกัด 
  
  
• Winnonie ตอบโจทย์ด้านการประหยัดค่าใช้จ่ายเรื่องการผ่อนรถ ค่าน้ำมัน ค่าบำรุงรักษา เป็นผลดีกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงลดมลภาวะทางเสียง

• ในอนาคต Winnonie จะมุ่งเป้าในการเพิ่มจำนวนของสถานีแบตให้ครบ 100 สถานีภายในช่วงต้นปีนี้ (2023) เพิ่มเติมรุ่นของรถจักรยานยนต์เพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น รวมทั้งยังมีแผนที่จะผลิตรถจักรยานยนต์และอุปกรณ์อื่น ๆ จากภายในประเทศ เพื่อลดต้นทุนการนำเข้า ตลอดจนขยายเป้าหมายผู้ใช้งานไปในกลุ่มอื่น ๆ เช่น องค์กร หรือหน่วยงานต่าง ๆ   
• 
  
• ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและสนับสนุนให้เกิดการใช้รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าในสังคมไทย ซึ่งเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมให้มีจำนวนมากขึ้น ผ่านการสร้างระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ครบวงจร