KTC มุมมองโบรกหลังแจ้งกำไรปี 67 ตามคาด
#KTC #ทันหุ้น – KTCแจ้งผลการดำเนินงานงวดปี 2567 เป็นไปตามโบรกเกอร์คาด โบรกเกอร์ให้คำแนะนำที่หลากหลายทั้ง ซื้อ ถือ ขาย และให้ราคาเหมาะสมในช่วง 44-60 บาท
.
บล.บัวหลวง : การเติบโตต่ำกว่ามาตรฐานจะยังคงดำเนินต่อไปในปี 2568
แนวโน้ม บล.บัวหลวงคาดกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 ที่ 1.9 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 7% YoY (สินเชื่อที่เติบโตและรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการเพิ่มขึ้น) และ 2% QoQ (การตั้งสำรองที่ลดลง)
บล.บัวหลวงคาดกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 7.8 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 5% YoY เนื่องจากสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นและการตั้งสำรองที่ลดลง
PER ปี 2568 ของ KTC อยู่ที่ 16.7 เท่า แต่เราคาดการเติบโตเฉลี่ยสะสมของกำไรสุทธิต่อหุ้นปี 2568-70 ที่ 5% ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วน PEG ที่ 3.2 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มบริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่เราให้คำแนะนำอย่างมากที่ 0.8 เท่า เราจึงยังคงคำแนะนำขาย เราชอบ MTC มากที่สุดในกลุ่ม
.
บล.พาย : ความสามารถทำกำไรลด และ Valuation สูง
บล.พายปรับคำแนะนำเป็น "ขาย" ด้วยมูลค่าพื้นฐาน 45 บาทเนื่องจาก (1) หนี้ครัวเรือนสูงเป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวของสินเชื่อใหม่ (2) ความสามารถการทำกำไรแนวโน้มลดลง (3) Valuation ค่อนข้างสูง ซื้อขายที่ 3.0x PBV และ 17.1x PE และ (4) Dividend yield เพียง 2.6-2.7% ในปี 2568-69 เรามองว่า KTC ขาดปัจจัยหนุนที่จะฟื้นให้สินเชื่อกลับมาขยายตัวโดดเด่น กอปรกับต้องควบคุมหนี้เสียในภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัวเปาะบาง ทำให้แนวโน้มกำไรอยู่ในช่วงเติบโตต่ำ 2.3%/3.2% YoY 2568-69และ ROE แนวโน้มลดลงต่อเนื่องที่ 18.1%/17% ในปี 2567-69 ด้านผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/67 กำไรสุทธิออกมาที่ 1.9 พันล้านบาท (+7.2% YoY, 1.6% QoQ) ขณะที่ NPL ratio ทรงตัวที่ 1.95% และ Coverage ratio สูงขึ้นเป็น 369.3%
.
บล.กสิกรไทย : ผลประกอบการไตรมาส 4/67 เป็นไปตามตลาดคาด
บล.กสิกรไทยคงคำแนะนำ "ถือ" ด้วยราคาเป้าหมายที่ 45 บาทเราเชื่อว่าการเติบโตของกำไรในปี 2568 จะไม่น่าตื่นเต้นนักที่ 5% YoY เราคาดว่ามูลค่าหุ้นล่าสุดยังไม่น่าสนใจมากนักเมื่อพิจารณาจาก PBV ปี 2568 ที่ 3 เท่า ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งในกลุ่มการเงิน ในขณะที่เราเชื่อว่า ROE มีแนวโน้มลดลงเป็น 18.7% และ 18.4% ในปี 2568-69 จาก 19.7% ในปี 2567
.
บล.ฟิลลิป : กำไรไตรมาส 4/67 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย
กำไรไตรมาส 4/67 ต่ำกว่าคาดจาการตั้งสำรองสูงกว่าคาด โดยกำไรเพิ่มขึ้น 7.2% y-y จากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นแต่ลดลง 4.2% q-q จากการตั้งสำรองสูงขึ้น สินเชื่อปี 67 หดตัว แต่ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรดีกว่ากล่ม คาดกำไรปี 68 เติบโตจากสินเชื่อที่กลับมาฟื้นตัว แต่การตั้งสำรองอาจจะยังสูง คงราคาพื้นฐาน 50 บาท ราคาหุ้นเกินกว่าราคาพื้นฐานแล้ว แต่ยังมีปันผล ปรับคำแนะนำลงเป็น "ถือ"
.
บล.ทิสโก้ : การใช้จ่ายบัตรเครดิตและการควบคุมต้นทุนยังคงสนับสนุนผลกำไรสุทธิ
กำไรสุทธิสำหรับไตรมาส 4/67 ดูเหมือนจะเป็นไปตามประมาณการของเรา credit cost ที่สูงขึ้นเล็กน้อย (กลับสู่ระดับปกติจากฐานที่ต่ำ) ถูกชดเชยด้วยค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ควบคุมได้ดี ตามที่คาดการณ์ไว้ การเติบโตของสินเชื่อได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายบัตรเครดิตตามฤดูกาลที่แข็งแกร่ง
ปัจจุบันเราคาดการณ์การเติบโตของกำไร 14.2% เป็น 8.49 พันล้านบาทในปี 2568 เร่งตัวขึ้นจากการเติบโตของกำไรรวม 1.9% ในปี 2567 หุ้นซื้อขายที่ PER เพียง 15.3 เท่าสำหรับปี 2568 ซึ่งแสดงถึงการลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 28.9 เท่าในปี 2564หุ้นมีผลการดำเนินงานดีกว่าภาคส่วนในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะลูกค้าของ KTC เน้นไปที่กลุ่มรายได้ปานกลางถึงสูง ทั้งนี้ เรายังคงคำแนะนำ "ถือ" สำหรับ KTC โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 53.00 บาท เนื่องจากมีข้อจำกัดในการปรับขึ้นของมูลค่าที่เหมาะสมของเรา บริษัทได้กำหนดวัน Opportunity Day และการประชุมนักวิเคราะห์ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์
.
บล.เคจีไอ : ผลประกอบการไตรมาส 4/67 บีบค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานเพื่อให้กําไรโต
กำไรสุทธิในไตรมาส 4/67 เพิ่มขึ้น 10% YoY ดีกว่าประมาณการเพราะ NIM ไม่ถูกกดดัน และ บริษัทบีบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลงเพื่อชดเชย credit cost ที่สูงขึ้น ในขณะเดียวกัน ผลประกอบการปี 2567ยังบ่งชี้ถึงกลยุทธ์ที่ระมัดระวังในการลด P-Loan แต่ไปขยายสินเชื่อบัตรเครดิตซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่า เราคาดว่ากลยุทธ์การเติบโตในปี 2568 จะเป็นเช่นเดียวกับในปี 2567 และการลดลงของคชจ.สำรองฯ ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของกำไร ซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตของกำไร เรายังคงคำแนะนำถือ โดยประเมินราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 54 บาท (PE ที่ 16.5x)
.
บล.กรุงศรี : ผลประกอบการไตรมาส 4/67 เป็นไปตามคาด
บล.กรุงศรีคงคำแนะนำ BUY ที่ราคาเหมาะสมปี 68 ที่ 55 บ. เราชอบ KTC เพราะ i) คาดมาตรการของ ธปท. และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของทางภาครัฐ จะช่วยลดปัญหาการตกชั้นของลูกหนี้ ii) ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง iii) มีจุดแข็งเรื่องงบดุล iv) กำไรสุทธิปี 2568 คาดทำจุดสูงสุดใหม่ต่อจากปี 2567สำหรับกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 รายงานที่ 1,889 ลบ. เพิ่มขึ้น +7% y-y ลดลง -2% q-q ใกล้เคียงกับเราและตลาดคาด ภาพรวมสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น +4.7% g-q หรือคิดเป็น 1.1% YTD ด้านคุณภาพสินทรัพย์เรามอง KTC ยังบริหารจัดการได้ดี NPL Ratio อยู่ที่ 1.95% ใกล้กับไตรมาส 3/67
.
บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ : ผลประกอบการทั้งปี 67 ถือว่าเป็นไปตามคาด โดยกำไรยังทำนิวไฮต่อเนื่องได้อีกปี ยังถือว่า KTC ยังทำได้ดี ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก อย่างไรก็ดีเชื่อว่าปีนี้ยังคงเป็นปีที่ท้าทายอีกปีหนึ่งของ KTC แต่เชื่อว่าปีนี้เศรษฐกิจจะค่อยๆ ฟื้นตัว การควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดี ประกอบกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่หยุดขึ้นและคาดว่าจะมีโอกาสลดลงได้อีกในปีนี้จะส่งผลบวกต่อต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายด้วย ยังแนะนำ ซื้อลงทุน