ส.อ.ท. เปิด 3 ปัจจัยดัน EV โตก้าวกระโดด 3 ปี
วันนี้(9ก.พ.64)นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ระหว่างปี 2564-66 ไปมีแนวโน้มที่ยานยนต์ไฟฟ้า(EV) โดยรวมจะยังคงมีอัตราการเติบโตแบบ ก้าวกระโดดต่อเนื่องซึ่งมาจาก 3 ปัจจัย หลักได้แก่ 1.รถยนต์เริ่มมีให้เลือกมากขึ้นและราคาถูกลง 2.สถานีอัดประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Charging Station มีจำนวนมากขึ้น และ 3. รัฐให้ การสนับสนุน ซึ่งสอดรับกับทิศทางของ ยานยนต์โลก
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแนวโน้ม EV จะมาแรงแต่รถยนต์ดังกล่าวเมื่อเทียบกับสัดส่วนที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันในไทยยังถือว่าต่ำอยู่จึงเป็นเพียงรถยนต์ทางเลือกให้กับ ผู้บริโภค โดยที่ผ่านมาพบว่าคนที่มีฐานะจะนิยมมีรถ EV เป็นคันที่ 4-5 เพราะชอบเทคโนโลยี และคาดว่าราคารถยนต์ EV ในอนาคตจะมีทิศทางที่ถูกลงซึ่งจะทำให้ตลาดมีโอกาสเติบโตได้ โดยปี 2563 พบว่าการผลิตรถยนต์ของไทยเพื่อจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ระดับ722,344 คัน แต่เป็นรถ EV เพียง 1,277 คันเท่านั้น
สำหรับเป้าหมายการผลิตรถยนต์ในไทยปี 2564 ที่ตั้งไว้ 1,500,000 คัน แบ่งเป็นผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออกอย่างละ 50% หรือ 750,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2563 จำนวน 73,030 คัน คิดเป็น 5.12% นั้นก็ยังคาดหวังว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายอยู่ในขณะนี้โดยในส่วนของยอดขายในเดือน ม.ค. 64 มีแนวโน้มจะชะลอตัวลงค่อนข้างมากแต่ก็เป็นไปตามปกติเนื่องจากธ.ค. 63 มีการส่งเสริมการขายและมีงานมหกรรมยานยนต์จึงทำให้ยอดจำหน่ายสูงขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องติดตามใกล้ชิดถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ทั้งไทยและต่างประเทศเนื่องจากจะมีผลต่อยอดการจำหน่ายและการส่งออก โดยในส่วนของไทยหากรัฐคุมโควิด-19 ได้อยู่ไม่กระจายวงกว้างจนนำไปสู่การล็อกดาวน์อีกคงจะไม่เกิดปัญหาอะไร รวมถึงกรณีภัยแล้งเองที่อาจกระทบต่อภาคการเกษตรที่ยังต้องติดตามเช่นกัน ส่วนในต่างประเทศแม้ว่าจะมีการฉีดวัคซีนหลายแห่งแต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนแรกๆ ที่ยังต้องติดตามผล
เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE