พิษวิกฤตยูเครนทำน้ำมันดิบพุ่งทะลุ $110 ต่อบาร์เรล หุ้นเอเชียเปิดร่วง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 2 มีนาคมระบุว่า วิกฤตการณ์ในประเทศยูเครน หลังรัสเซียประกาศนำกำลังบุกโจมตีเต็มกำลังตั้งแต่วันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ยังคงส่งผลกระทบกับตลาดโลกอย่างหนัก ล่าสุดราคาน้ำมันดิบพุ่งทะลุ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลไปแล้ว ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดในวันเดียวกันร่วงลงตามๆกัน
ผลจากมาตรการของนานาชาติที่มีต่อรัสเซียส่งผลให้บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งประกาศถอนตัวจากการทำธุรกิจในประเทศรัสเซียกันเป็นจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอ็กซ์ซอนโมบิล (Exxon Mobil) บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐประกาศยกเลิกการดำเนินธุรกิจในรัสเซีย หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทบีพี พีแอลซี(BP PLC) ,เชลล์ (Shell) ของอังกฤษ และ อีควินอร์ (Equinor) ของนอร์เวย์ ตัดสินใจแบบเดียวกันไปก่อนหน้านี้
การประกาศถอนธุรกิจของบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่หลายบริษัทส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบอ้างอิงเบรนต์ (Brent) พุ่งทะลุ 110 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นอีก 5.8 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 111.09 ดอลลาร์สหรัฐ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2014
ด้านราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (West Texas Intermediate) พุ่งขึ้นเกือบ 6 เปอร์เซ็นต์ ไปอยู่ที่ 109.29 ดอลลาร์สหรัฐ แพงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2013
ด้านตลาดหุ้นเอเชีย เปิดตลาดในวันเดียวกันนี้ ปรับตัวลดลงตามๆกันโดย ดัชนีเอ็มเอสซีไอ (MSCI) ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยกเง้นญี่ปุ่นปรับตัวลดลง 0.46 เปอร์เซ็นต์ ตลาดหุ้นนิคเคอิ255 (Nikkei) ปรับตัวในแดนลบลดลง 1.81 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตามออสเตรเลีย เอเอสเอ็กซ์ 200 (ASX 200) ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย 0.2 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้การปรับตัวลงของตลาดหุ้นเอเชียมีขึ้นหลังตลาดหุ้นวอลสตรีท ปิดตลาดเมื่อวันที่ 1 มีนาคมปับตัวลดลงไม่ว่าจะเป็นแอสแอนด์พี500 (S&P 500), แนสแดค (Nasdaq Composite) ต่างปรับตัวลดลงราว 1.6 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ดาวน์โจน (Dow Jones Industrial Average) ปรับตัวลง 1.8 เปอร์เซ็นต์