BBL โบรกฯ แนะซื้อลงทุน คาดปีนี้กำไรเด่นสุด-ปันผลน่าสน
#ทันหุ้น - บล.แลนด์ แอน เฮ้าส์ ส่องหุ้น BBL คาดปีนี้กำไรโตโดดเด่นสุดในกลุ่ม Q3/66 กำไรยังโตสูง ส่งผล 9M66 +51% YoY ผลจากรายได้ดอกเบี้ยที่โตโดดเด่น จาก NIM ที่เพิ่มขึ้นมาก โดย NIM 9M66 ที่สูงกว่าเป้าที่ 2.96% คาดยังคงสูงต่อเนื่องใน Q4/66-Y2567 ส่งผลบวกหนุนรายได้ดอกเบี้ย คงคาดการณ์กำไรทั้งปี66 แม้ 9M66 ดีกว่าคาด เหตุเพราะความ conservative ของ BBL แต่คาดกำไรปีนี้ยังโตสูงราว 44% เด่นสุดในกลุ่ม เป็นหุ้นพื้นฐานดีเงินกองทุนแข็งแกร่ง สำรองสูง คุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีและปันผลจูงใจ แนะ “ซื้อ”
ประเมิน GDP ปีนี้โต 3% มองดอกเบี้ยนโยบายน่าจะจบที่2.5% สิ้นปีนี้ ขณะที่ยอดขอ BOI สูงสุดในรอบกว่า 10 ปี ส่งผลดีกับ BBL ทั้งนี้ BBL ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังคงมีความท้าทาย ภาวะสงครามในยูเครน-รัสเซีย, ฮามาส-อิสราเอลและปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์จีน ขณะที่ในไทย นักท่องเที่ยวชาวจีนก็มาน้อยกว่าคาดจากเหตุกราดยิง อย่างไรก็ดีหากดูตัวเลขคำขอรับส่งเสริมการลงทุนในไทย (BOI) ปี ก่อนที่ดีขึ้นสูงสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่ปีนี้ดีกว่าปีก่อน จากการย้ายฐานการผลิตมาไทยเพิ่มขึ้นภายหลังความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
รวมถึงปัญหาความไม่สงบในแถบยุโรป โดยประเทศที่มาลงทุนในไทยมากสุดคือจีน รองลงมาคือญี่ปุ่น เชื่อว่าดีต่อการปล่อยสินเชื่อของ BBL มากขึ้นทั้งจากการที่ต่างประเทศมาลงทุนในไทย และบริษัทไทยไปลงทุนในต่างประเทศ จากการมีสาขาในต่างประเทศหลายประเทศมาเป็นเวลานาน รวมถึงในประเทศอินโดนีเซีย ผ่านธนาคารเพอร์มาต้า ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ขณะที่ยังคงมอง GDP ไทยปีนี้โต 3% ขณะคาดสิ้นปีนี้ ดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 2.5% และคงดอกเบี้ยระดับดังกล่าวไปอีกสักระยะ ซึ่งจะส่งผลดีต่อ NIM ของ BBLใน Q4/66 และทรงตัวอยู่ระดับสูงนี้ทั้งปี 67
9M66 NIM สูงมากอย่างเห็นได้ชัดและสูงกว่าเป้า คาดทั้งปี66 มีโอกาสสูงที่ระดับ 2.96% รับผลบวกดอกเบี้ยขาขึ้น หนุนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิให้เติบโตสูง จากผลประกอบการ 9M66 ที่ออกมา BBL มีกำไรสุทธิ 32,773 ลบ. โต 51% YoY ปัจจัยหนุนหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่เติบโตสูงมาก เป็นผลหลักจาก NIM ที่เพิ่มจาก 2.28% ณ 9M65 เป็น 2.96% จากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเป็นหลัก
ทั้งนี้ธนาคารยังคงเป้าหมายทางการเงินไว้ที่เดิม คาดทำได้ตามเป้าทั้ง 1) เป้าสินเชื่อโต 4-6% แม้ 9M66 +1.5% YTD คาด Q4 ปกติจะมีสินเชื่อ working capital เข้ามามากทั้งในและต่างประเทศ ทำให้น่าจะทำได้ตามเป้าตัวล่างที่ 4% 2) เป้า NPL3.5% โดยคุม NPL ได้ดัที่ 3% มาได้ 4 ไตรมาสติดต่อกัน 3) เป้ารายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิทรงตัว (9M66 -0.4%YoY) คาดธุรกิจ Cash management และ Bancassurance ยังดี แต่ถูกลดทอนจากรายได้ค่านายหน้าหลักทรัพย์ที่ลดลงตามภาวะตลท. 4) เป้า Credit cost ราว 1% ของสินเชื่อรวมเฉลี่ย โดย 9M66 =1.3% คาดทั้งปี> 1%เล็กน้อย สำหรับเป้า NIM และ cost to income เป็น 2 เป้าหมายที่น่าจะทำได้ดีกว่าเป้า โดยเป้า NIM 2.5% 9M66 ทำได้ 2.96% คาดทั้งปี=2.96% จากผลบวกจากการปรับขึ้นดอกเบี้ย และเป้า Cost to income ที่Low 50s% โดย 9M66 ทำได้ 46.4% ทั้งนี้แม้ Q4/66 ยังคงมีค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานที่เพิ่มขึ้น แต่มีโอกาสทำได้ดีกว่าเป้าทั้งปีได้
คงประมาณการกำไรปีนี้โตสูงถึง 44% โตโดดเด่นสุดในกลุ่มธนาคาร แม้กำไร 9M66 คิดเป็น 78% ของประมาณการกำไรทั้งปี ของฝ่ายวิจัยถือว่าดีกว่าคาด แต่จากความ conservative ของ BBL มีโอกาสที่จะตั้งสำรองเพิ่มเติมขึ้นอีก แม้ coverage ratio จะสูงสุดในระบบที่ 283% ก็ตาม โดยคาดทั้งปี 66 ตั้งสำรอง 1.2% ของสินเชื่อรวม อย่างไรก็ดี ยังคาดว่า BBLจะมีกำไรสุทธิที่เติบโตเด่นสุดในกลุ่มถึง 44% YoY และคาดปีนี้ BBLจะกลับไปจ่ายปันผลมากขึ้น คาดจ่ายปันผลทั้งปี@7บ.(1H66 จ่าย @2.- คาด 2H66 จ่ายอีก @5.- คิดเป็น Dividend Yield 3.14%) คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนที่จูงใจราว 4.4% ต่อปี
แนะ “ซื้อลงทุน” ด้วยความเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้นเต็มๆ บวกต่อ NIM ที่สูงขึ้นมากอย่างเด่นชัด ประกอบกับความ conservative เตรียมพร้อมรับความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมี Coverage ratio ที่สูงถึง 283% สูงสุดในอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ได้ดีทำให้ความจำเป็นในการตั้งสำรองลดลงในปีนี้ ช่วยหนุนผลประกอบการ BBL ให้เติบโต 44% โดดเด่นสุดในกลุ่ม ล่าสุดฝ่ายวิจัยได้มีการปรับมาใช้ราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 207 บ. (อิง PBV67F ที่0.69X) ประกอบกับคาดมีอัตราเงินปันผลที่น่าจูงใจราว 4.4% ต่อปีแนะนำ ”ซื้อลงทุน”