รีเซต

สุชาติ ยัน ขึ้นค่าจ้าง 5% นายจ้างต่างเห็นพ้อง ให้ลูกจ้างอยู่ได้ ไม่โอเวอร์มาก

สุชาติ ยัน ขึ้นค่าจ้าง 5% นายจ้างต่างเห็นพ้อง ให้ลูกจ้างอยู่ได้ ไม่โอเวอร์มาก
มติชน
13 กันยายน 2565 ( 15:02 )
41

แรงงานเฮ “สุชาติ” ยัน เสียงไตรภาคีเอกฉันท์ ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำทั่วปท. 9 กลุ่ม หลังอั้นโควิด 2 ปี หวังช่วยพยุงค่าครองชีพช่วงเงินเฟ้อ ดอกเบี้ยขึ้น

 

เมื่อเวลา 12.35 น. วันที่ 13 ก.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ให้สัมภาษณ์ภายหลังที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบปรับค่าแรงขั้นต่ำว่า กระทรวงแรงงานได้เสนอตามติของคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ประกอบด้วย ฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้างและปลัดกระทรวง โดยที่ประชุมครม.ได้อนุมัติเห็นชอบ และเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ ถือเป็นความเห็นชอบของไตรภาคีที่เป็นเอกฉันท์ ไม่ได้มีการลงมติหรือโหวตกัน แต่เป็นการคุยกันแบบลงตัว สำหรับสัดส่วนการปรับขึ้นอยู่ที่ 5-8 เปอร์เซ็นต์ โดยภาพรวมปรับอยู่ที่กว่า 5 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าช่วงก่อนที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 ไม่ได้มีการปรับขึ้นค่าแรงเลย โดยมีการปรับค่าแรงขั้นต่ำล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2563 ผ่านมา 2 ปีจึงรวบยอดปรับขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อ

 

นายสุชาติ กล่าวว่า หลายคนอาจมองว่าการปรับขึ้นค่าแรงเป็นการซ้ำเติมผู้ประกอบการ ซึ่งตนได้คุยกับนายจ้างแล้ว ถือเป็นการประคับประคองลูกจ้างให้อยู่รอด นี่คือสิ่งที่นายจ้างต้องการ เห็นลูกจ้างมีรายได้ มีเงินพยุงค่าครองชีพ และสัดส่วนที่ขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์นายจ้างรับได้ ไม่ได้เป็นสัดส่วนที่โอเวอร์มาก หากลูกจ้างอยู่รอด นายจ้างก็อยู่รอด ส่วนการปรับดอกเบี้ยตามภาวะเงินเฟ้อหรือทั่วโลกที่ปรับนั้น รมว.คลังจะควบคุมและกำกับส่วนนี้ ขณะที่ด้านพลังงานรองนายกฯ และรมว.พลังงานจะมีมาตรการต่างๆ ช่วยเหลือ

 

“ขอเรียนประชาชนว่า การขึ้นค่าแรงเป็นไปตามกลไก ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยหรือราคาพลังงาน รัฐบาลได้แก้ปัญหาโดยการลดค่าครองชีพที่มาช่วยกัน และสาเหตุที่ผมขอให้ปรับค่าแรงขั้นต่ำในวันที่ 1 ต.ค.นี้เลย เพราะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ของมันขึ้นราคาไปรออยู่แล้ว ถ้าเราไปประกาศในวันที่ 1 ม.ค. 2566 สินค้าก็จะขึ้นต่ออีกรอบ ดังนั้นต้องขึ้นค่าแรงเลย เพื่อเป็นการสกัดการขึ้นสินค้าที่รอล่วงหน้า ผมได้ขอให้ทางกองทุนประกันสังคมช่วยเหลือนายจ้างในส่วนตรงนี้ 2-3 เดือน และที่หลายท่านมองว่า การลดเงินสมทบที่ผ่านมาทำให้มีผลกระทบต่อเงินชราภาพจริงๆ แล้วไม่มี เพราะเราได้ใช้มติครม.โยกเงินอีกกองมาเติมผลตอบแทนเงินชราภาพ ทั้งนี้ผมได้ให้ประกันสังคมทำเรื่องชี้แจงว่า การลดเงินสมทบไม่มีผลกับประชาชนในมาตรา 33 ต่อการชราภาพไม่เกี่ยวกัน” รมว.แรงงาน กล่าว

 

“การขึ้นค่าแรงรอบนี้เป็นการขึ้นทั้งประเทศ 9 กลุ่ม โดยปรับขึ้นอันดับ 1 คือ ภูเก็ต ชลบุรี ระยองจำนวน 354 บาท กรุงเทพฯ และปริมณฑลจำนวน 353 บาท โดยสรุปปรับขึ้น 18 บาท ไม่ได้ขึ้น 1-2 บาทแบบเมื่อก่อน การปรับขึ้นต้องให้เห็นภาพและสามารถชดเชยกับภาวะเงินเฟ้อได้”นายสุชาติ กล่าวว

 

เมื่อถามว่า ภาคการผลิตรับได้ใช่หรือไม่ เพราะอาจมีผลกระทบถึงขั้นย้ายฐานการผลิต นายสุชาติ กล่าวว่า ตนได้โทรศัพท์คุยกับประธานคณะกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ซึ่งก็รับได้ในส่วนนี้ แต่ท่านขอในเรื่องของพลังงาน อัตราดอกเบี้ย ซึ่งจริงๆแล้ว รัฐบาลได้ดูแลในส่วนของพลังงาน ทั้งการชดเชยและการอุดหนุนต่าง ๆ ซึ่งเชื่อว่านายจ้างรับได้กับการขึ้นค่าแรง หากไม่มีการขึ้นค่าแรงและลูกจ้างต้องแบกภาวะเงินเฟ้อ หรือของที่แพงขึ้น ลูกจ้างจะอยู่ไม่ได้ นายจ้างก็ต้องหาลูกจ้างใหม่ต้องสอนงานใหม่ ในฐานรมว.แรงงาน ไม่ได้คิดต้องมานั่งไล่ตามการขึ้นค่าแรง แต่คิดจะลดค่าครองชีพพี่น้องแรงงานอย่างไรจะดีกว่า และวันนี้ขอให้พี่น้องแรงงานมีคามสุขกับมติครม.ที่ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง