รีเซต

ลูกเรือ กัลฟ์ สกาย เล่าเหตุการณ์ที่เชื่อว่า เรือบรรทุกน้ำมันลำนี้ "ถูกจี้ไปอิหร่าน"

ลูกเรือ กัลฟ์ สกาย เล่าเหตุการณ์ที่เชื่อว่า เรือบรรทุกน้ำมันลำนี้ "ถูกจี้ไปอิหร่าน"
ข่าวสด
6 กันยายน 2564 ( 01:03 )
121
ลูกเรือ กัลฟ์ สกาย เล่าเหตุการณ์ที่เชื่อว่า เรือบรรทุกน้ำมันลำนี้ "ถูกจี้ไปอิหร่าน"

ก.ค. 2020 เรือบรรทุกน้ำมัน กัลฟ์ สกาย (Gulf Sky) พร้อมลูกเรือ หายไปจากน่านน้ำนอกชายฝั่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลายวันต่อมา มันไปปรากฏอยู่ที่อิหร่าน คาดว่าปัจจุบันเรือลำนี้ถูกใช้เป็น "เรือผี" สำหรับขนส่งน้ำมัน ที่ขัดต่อมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน

 

 

เป็นครั้งแรกที่อดีตลูกเรือ 8 คน เล่าให้บีบีซีฟังเกี่ยวกับการหายไปของเรือ พวกเขาเล่าว่า กลุ่มชายติดอาวุธได้จี้เรือ ลูกเรือทั้งหมดยกเว้นกัปตันเรือขอไม่ให้เปิดเผยชื่อของพวกเขา เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย

 

 

ขณะที่ท้องฟ้านอกชายฝั่งของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กำลังมืดลง กัปตันโจกินเดอร์ ซิงห์ ยังคงเฝ้ารอต่อไป

 

 

เรือกัลฟ์ สกาย ทิ้งสมอจอดรออยู่ระหว่างที่เจ้าของเดิมและเจ้าของใหม่กำลังต่อสู้กันทางกฎหมาย กัปตันซิงห์เล่าว่าตอนที่ได้รับเชิญให้มาควบคุมเรือลำดังกล่าว เขาได้รับคำยืนยันว่าเรือจะได้กลับไปแล่นอีกครั้งในเร็ววัน

 

 

แต่จากหลายสัปดาห์กลายเป็นหลายเดือน ลูกเรือซึ่งเป็นชาวอินเดียทั้งหมดบอกว่า เกิดการขาดแคลนอาหาร น้ำจืด และอินเทอร์เน็ต ขณะที่โควิด-19 ก็กำลังระบาดอย่างหนัก พวกเขาถูกห้ามไม่ให้เดินทางกลับขึ้นแผ่นดินใหญ่ ซ้ำร้ายไปกว่านั้น บรรดาลูกเรือเล่าว่า พวกเขาไม่ได้รับค่าจ้างมาตั้งแต่เดือน เม.ย.

 

 

เย็นวันที่ 5 ก.ค. กัปตันซิงห์ เริ่มมีความหวังครั้งใหม่ หลังมีคำบอกเล่าว่า เจ้าของเรือได้จัดหาคณะเจ้าหน้าที่สำรวจเข้ามาประเมินสภาพเรือบรรทุกน้ำมันลำนี้เพื่อปรับประโยชน์ใช้สอยใหม่ กัปตันเล่าว่าเขาได้สั่งให้นำทางขึ้นลงเรือลงและได้ออกไปพบคนบนเรือเมื่อเรือเล็กลำหนึ่งแล่นมาถึง

 

 

 


ขณะที่พวกเขากำลังตามหาความยุติธรรมต่อไป อดีตลูกเรือกัลฟ์ สกาย หลายคน กลับไปทำงานกลางทะเลอีกครั้ง

 

 

กัปตันเล่าว่า ตอนแรก ทุกคนดูปกติดี กลุ่มชายทั้ง 7 คนในชุดคลุมสีน้ำเงินพร้อมกับถือคลิปบอร์ดในมือ ได้ตรวจสอบเรือพร้อมกับลูกเรือ หลังจากการสำรวจนาน 1 ชั่วโมงแล้วเสร็จ หัวหน้ากลุ่ม ซึ่งตามคำบอกเล่าของกัปตันและลูกเรือคนอื่น ๆ เป็นชายในวัยกว่า 60 ปี รูปร่างอ้วนเตี้ย และดูเป็นกันเอง ได้ขอให้ลูกเรือมารวมตัวกัน

หัวหน้าเจ้าหน้าที่สำรวจกล่าวว่า เรือจะถูกเปลี่ยนไปใช้เป็นที่เก็บน้ำมัน กัปตันและลูกเรือเล่า และเขาได้ถามว่า ใครอยากที่จะอยู่บนเรือต่ออีก 2-3 เดือนบ้าง เพื่อได้ค่าจ้างพิเศษ แต่เมื่อมีกะลาสีเรือเพียง 2 คนตอบตกลง บรรยากาศก็ดูแย่ลงอย่างรวดเร็ว

 

 

จนถึงตอนนั้น เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว กัปตันซิงห์ เลยแนะนำให้ทุกคนเข้านอนก่อน แต่เมื่อเขาเดินไปถึงประตูห้อง ก็มีชาย 3 คนบุกเข้ามา พวกเขาแต่งชุดดำถือปืนยาว ตะโกนบอกให้ทุกคนนอนลงที่พื้น

 

 

"เราไม่อยากจะทำร้ายพวกคุณ แต่ถ้าเราต้องทำ เราก็จะทำ" หัวหน้าเจ้าหน้าที่สำรวจกล่าว ตามคำบอกเล่าของกัปตันและลูกเรือหลายคน "อเมริกาขโมยเรือลำนี้ไป และเรากำลังจะเอากลับคืนมา"

 

 

"ชะตาคุณขึ้นกับความเมตตาของเรา"

ลูกเรือคนหนึ่งเล่าว่า "ตอนแรกเราคิดว่า พวกเขาเป็นโจรสลัด แต่พวกเขาดูเป็นมืออาชีพมาก พวกเขารู้ว่ากำลังทำอะไรอยู่"

 

 

ลูกเรือเล่าว่า ขณะที่กำลังนอนคว่ำหน้าอยู่นั้น ผู้ที่ควบคุมตัวพวกเขาก็เข้ามามัดมือทุกคนไว้ และนำของทุกอย่างออกจากกระเป๋าของกะลาสีเรือ ลูกเรือบางคนเริ่มร้องไห้ขอชีวิต แต่พวกเขาบอกว่า คนที่เฝ้าพวกเขาอยู่ได้เตะพวกเขาและบอกให้เงียบ

 

 

กะลาสีเรือเล่าว่า เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง พื้นเรือด้านล่างเริ่มสั่น เพราะมีการถอนสมอและติดเครื่องยนต์ของเรือ

 

 

ลูกเรือเล่าว่า เรือกัลฟ์ สกาย ได้แล่นออกจากจุดที่ทอดสมออยู่ในเมืองคอร์ ฟักคาน เวลาผ่านไปนาน 12 ชั่วโมง เรือจึงหยุด มีการแกะเชือกที่มัดมือพวกเขาออก จากนั้นจึงย้ายพวกเขาไปที่ห้องพักผ่อนของเจ้าหน้าที่ซึ่งมีการนำกระดาษแข็งมาปิดหน้าต่างไว้

 

 

สมาชิกลูกเรือเล่าว่า เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่า พวกเขาถูกควบคุมตัวไว้โดยไม่คลาดสายตา โดยคนที่เฝ้าพวกเขาอยู่พูดภาษาอาหรับกัน เมื่อพวกเขาได้รับอนุญาตให้ออกจากห้องไปใช้ห้องน้ำที่อยู่ใกล้เคียง หรือทำอาหารในครัวบนเรือ หลายคนจำได้ว่า พวกเขาเห็นคนหน้าใหม่ขึ้นมาบนเรือลำนั้น

 

 

ลูกเรือคนหนึ่งเล่าว่า เขาได้พูดคุยกับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาพบในครัว ซึ่งบอกว่า เขามาจากอาเซอร์ไบจาน ลูกเรืออีกหลายคนได้ยินเสียงคนคุยกันบนเรือเป็นภาษาฟาร์ซี พวกเขาเชื่อว่า มีการนำลูกเรือใหม่ขึ้นมาบนเรือเพื่อปฏิบัติหน้าที่ที่พวกเขาเคยทำ


ลูกเรือเผยภาพที่แสดงให้เห็นร่องรอยบาดเจ็บที่ข้อมือ จากการที่พวกเขาเล่าว่า ถูกผู้ก่อเหตุจี้เรือมัดไว้เป็นเวลานาน

 

 

ระหว่างที่ถูกควบคุมตัวอยู่นั้น นักเดินเรือหลายคนเล่าว่า มีชายรูปร่างอ้วนวัย 60 เศษ อีกคนหนึ่งเข้ามาอยู่ในห้องกับพวกเขาด้วยเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ โดยชายคนดังกล่าวไม่ได้พูดคุยกับลูกเรือ "ดูเหมือนว่า เขาเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องต่าง ๆ" ลูกเรือคนหนึ่งเล่า "เขามีปืน แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีก้าวร้าวแต่อย่างใด"

 

 

สมาชิกอีกหลายคนจำหน้าผู้ที่ควบคุมตัวพวกเขาคนหนึ่งได้ว่า เป็นชายศีรษะล้าน มีกล้าม และอยู่ในวัยกว่า 60 ปีเช่นกัน โดยคนที่ทำหน้าที่เฝ้ายามและติดอาวุธดูเหมือนจะรับคำสั่งจากชายคนนี้ เขาไม่เปิดเผยชื่อ แต่บอกว่า เขาทำงานให้กับเจ้าของเรือ

 

 

สมาชิกลูกเรือคนหนึ่งเล่าว่าชายคนดังกล่าวกล่าวว่า "เราไม่ได้มีอะไรบาดหมางกันกับพวกคุณ เราเพียงแค่ต้องการเรือ เราจ่ายเงินไปแล้ว และมีการขัดขวางการจ่ายเงินนั้น ไม่ใช่ความผิดของเรา"

 

 

"ปัญหาคือ ไม่มีประเทศไหนต้องการรับพวกคุณ แม้แต่ประเทศของคุณเอง" เขากล่าวเพิ่มเติมว่า "ชะตาคุณขึ้นกับความเมตตาของเรา"

 

 

เมื่อวันเวลาผ่านไป บรรดาลูกเรือก็มีความหวาดกลัวเพิ่มมากขึ้น

 

 

"บางครั้ง เรารู้สึกว่า บางทีพวกเขาอาจจะฆ่าเราทิ้ง" ลูกเรือคนหนึ่งกล่าว "เรารู้สึกว่า เราจะไม่ได้เจอหน้าคนในครอบครัวของเราอีก"

 

แม้ว่าพวกเขาถูกบอกให้เงียบ แต่บางครั้งลูกเรือเหล่านี้ก็พูดคุยกับคนที่เฝ้าพวกเขา มีบทสนทนาหนึ่งที่กะลาสีเรือคนหนึ่งจำได้อย่างชัดเจน

 

"เขาบอกว่า 'ผมรู้ว่า คุณกับลูกเรือคนอื่น ๆ เป็นอย่างไร และผมก็เห็นคุณเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่ง แต่ถ้าคุณทำอะไรไม่ดี ผมก็จะต้องทำในสิ่งที่ผมถูกบอกมา'" เขาเล่า

 

"'เพราะผมชอบคุณ ผมจึงให้คุณเลือกได้ว่า คุณอยากจะตายแบบไหน ให้ผมปาดคอคุณหรือยิงกระสุนใส่หัวคุณก็ได้'"

 

 

 

"มันเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก"

โชคดี สมาชิกลูกเรือไม่ต้องเลือกอะไรเช่นนั้น

 

ในช่วงเช้าของวันที่ 14 ก.ค. คนเฝ้าได้พาพวกเขาขึ้นไปที่ดาดฟ้าเรือ ลูกเรือบางคนจำภาพแสงไฟเรียงรายอยู่ตามแนวชายฝั่งได้ พวกเขาบอกว่า นั่นคือเมืองบันดาร์ อับบาส เมืองท่าทางใต้ของอิหร่าน

 

พวกเขาเล่าว่า พวกเขาถูกนำตัวไปขึ้นเรือไม้ จากนั้นก็ถูกปิดตา แต่ก่อนที่จะมีการปิดตาพวกเขา บางคนสังเกตเห็นชื่อเรือกัลฟ์ สกาย ที่ติดอยู่ด้านข้างเรือบรรทุกน้ำมันถูกทาสีดำทับ

 

พวกเขาเล่าว่า ถูกนำตัวขึ้นฝั่งเดินทางไปที่ลานบินแห่งหนึ่ง เมื่อผ้าปิดตาถูกแกะออก ลูกเรือสังเกตเห็นว่า พวกเขาอยู่บนเครื่องบินทหารลำหนึ่ง ซึ่งพวกเขาบอกว่า เครื่องบินลำนั้นได้นำพวกเขาไปยังกรุงเตหะรานของอิหร่าน

 

จากนั้น พวกเขาถูกนำตัวขึ้นรถบัสและพบว่า ที่อีกด้านของถนนเป็นสนามบินนานาชาติอิหม่าม โคไมนี

จากคำบอกเล่าของลูกเรือ มีชาย 3 คนได้ขึ้นมาบนรถบัส พวกเขาบอกว่า มาจากสถานทูตอินเดีย และสอบถามทุกคนว่าเป็นใครและทำไมถึงมาอยู่ที่อิหร่าน

 

 

สมาชิกลูกเรือเล่าว่า กัปตันซิงห์บอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องจี้เรือ และชายเหล่านั้นดูเหมือนตกใจกับเรื่องนี้ เจ้าหน้าที่ทางการบอกว่า มีการจัดหาตั๋วให้พวกเขาเพื่อเดินทางกลับบ้าน กัปตันและลูกเรือเล่าว่า มีการยื่นหนังสือเดินทางให้พวกเขาพร้อมกับบัตรขึ้นเครื่อง ยกเว้นกะลาสีเรือ 2 คนที่จำเป็นต้องต่ออายุหนังสือเดินทาง

ลูกเรือ 2 คนดังกล่าว ถูกทิ้งไว้กับเจ้าหน้าที่การทูตอินเดีย ส่วนนักเดินเรือที่เหลือถูกพาตัวไปขึ้นเที่ยวบินพาณิชย์ปกติ พวกเขานั่งแถวเดียวกันกับผู้โดยสารทั่วไป

 

 

พวกเขาเดินทางถึงกรุงนิวเดลีในวันที่ 15 ก.ค. ส่วนอีก 2 คนเดินทางมาถึงวันที่ 22 ก.ค. ก่อนกลับบ้าน เจ้าหน้าที่ทางการอินเดียได้พาพวกเขาไปพักที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่ง และบอกพวกเขาว่า ให้อยู่แต่ภายในห้องเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง

 

 

"พวกเขาบอกว่า 'คุณออกไปข้างนอกไม่ได้ เพราะมันเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก คนบนเรือพวกนั้นอาจพบตัวคุณได้'" นักเดินเรือคนหนึ่งกล่าวกับบีบีซี

 

 

 

"ทุกคนรู้ว่า มันเป็นเรืออิหร่าน"

ปัจจุบัน เวลาผ่านไปแล้วกว่า 1 ปี หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายนั้น ลูกเรือกัลฟ์ สกาย ยังคงค้นหาคำตอบว่าทำไมจึงเกิดการจี้เรืออย่างที่พวกเขาเล่าขึ้น

นอกจากนี้ พวกเขายังต้องต่อสู้เรียกร้องค่าจ้างกว่า 200,000 ดอลลาร์สหรัฐ ที่พวกเขาบอกว่า มีการติดค้างพวกเขาระหว่างที่เรือถูกยึดไว้ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

 

"คนเดินเรืออยู่ด้านล่างสุดของห่วงโซ่" เดวิด แฮมมอนด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Human Rights at Sea ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลของสหราชอาณาจักร ที่รายงานกรณีของพวกเขาต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรกกล่าว "พวกเขาควรได้รับการคุ้มครองสิทธิแรงงานและสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศที่มีอยู่ แต่การบังคับใช้กฎหมายระหว่างประเทศให้ได้ผล เป็นเรื่องที่ท้าทายมาโดยตลอด"

 

 

เครือรัฐโดมินิกา ซึ่งเป็นรัฐของธงประจำเรือในช่วงที่มีการกล่าวหาว่าถูกจี้ ระบุว่า กำลังดำเนินการเรียกร้องค่าตอบแทนให้แก่ลูกเรือเหล่านี้ รวมถึง เซเว่น ซีส์ เนวิเกชัน (Seven Seas Navigation) บริษัทที่ว่าจ้างพวกเขาด้วย

 

 

ยังคงมีคำถามต่อชะตากรรมของเรือกัลฟ์ สกาย ยังไม่มีความชัดเจนว่า ตอนนี้เรืออยู่ที่ไหน หรือกำลังถูกใช้ทำอะไร เราไม่รู้ว่า ทำไมเรือจึงถูกยึด

 

 

จากบันทึกแสดงให้เห็นว่า เครื่องรับส่งสัญญาณเรดาร์ถูกปิดไว้นานหลายสัปดาห์ หลังจากที่มีการกล่าวหาว่าเกิดการจี้เรือ ก่อนที่จะมีการเปิดเครื่องนี้เป็นครั้งแรกในช่วงปลายเดือน ส.ค. 2020 ขณะที่เรือลอยลำอยู่นอกชายฝั่งทางใต้ของอิหร่าน

 

 

เรือลำนี้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น รีมา (Rima) และเปลี่ยนธงแห่งความสะดวกจากโดมินิกาเป็นอิหร่าน ซึ่งหมายความว่า มันอยู่ภายใต้ขอบเขตอำนาจศาลอิหร่าน และขณะนี้บริษัทที่เป็นเจ้าของคือ Moshtag Tejarat Sanat (MTS) ซึ่งเป็นบริษัททำเหมืองที่อยู่ในกรุงเตหะราน

ในช่วงสิ้นเดือน ส.ค. 2020 เรือลำดังกล่าวแล่นไปทางตะวันตกของอ่าวเปอร์เซีย และทรานสปอนเดอร์ได้หยุดส่งสัญญาณเมื่อวันที่ 30 ส.ค. บริเวณห่างจากเมืองบันดาร์ อับบาส หนึ่งในเมืองท่าสำคัญของอิหร่าน ไปทางใต้ราว 60 กม.

 

 

มิเชลล์ บ็อกแมนน์ จากสำนักวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเดินเรือ ลอยด์ส ลิสต์ อินเทลลิเจนซ์ เชื่อว่า ยังคงมีการใช้งานเรือลำดังกล่าวในภูมิภาค และเป็นส่วนหนึ่งของ "กองเรือผี" ของอิหร่าน ที่ใช้ขนส่งน้ำมันของอิหร่านไปทั่วโลก ซึ่งเป็นการละเมิดมาตรการคว่ำบาตร

 

 

"การที่เรือไม่เปิด [เครื่องส่งสัญญาณแสดงตำแหน่ง] อาจหมายความว่า มันได้กลายเป็นสิ่งที่เราเรียกว่า 'เรือแม่' ซึ่งใช้เก็บน้ำมันดิบ และบางทีอาจจะมีการขนส่งน้ำมันดิบระหว่างเรือบรรทุกน้ำมันลำอื่น ๆ" นางบ็อกแมนน์ กล่าวกับบีบีซี "ถ้ามันออกจากน่านน้ำของอิหร่าน มันจะถูกทำเครื่องหมาย" เธอกล่าวเพิ่มเติม "ทุกคนรู้ว่า มันเป็นเรือของอิหร่าน"

 

 

แม้แต่ก่อนที่จะมีการกล่าวหาว่าถูกจี้ เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐฯ ก็เชื่อว่า เรือลำนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอิหร่านอยู่แล้ว

 

เจ้าของเรือในตอนนั้น Taif Mining Services (TMS) ได้ซื้อเรือลำนี้มาจากบริษัทของกรีซในปี 2019 แต่ไม่นานหลังจากที่มีการส่งมอบเรือ เงินจากการขายเรือเกือบทั้งหมดถูกสหรัฐฯ อายัดไว้

 

 

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตั้งข้อหาคนสัญชาติอิหร่าน 2 คน ที่ใช้ TMS บังหน้าในการซื้อเรือลำนี้แทนทางการอิหร่านว่าละเมิดการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ต่ออิหร่าน

 

 

หนึ่งในชาวอิหร่าน 2 คนนั้นคือ อามีร์ ดีอานัต เป็นกรรมการผู้จัดการของ MTS เจ้าของใหม่ของเรือนับตั้งแต่ที่มีการกล่าวหาว่าถูกจี้

ทั้ง TMS และ MTS ต่างก็ยังไม่ได้แสดงความเห็นตามที่บีบีซีได้ติดต่อไป

 

 

"ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยในทุกที่"

ในการพูดคุยกันกับบีบีซี อดีตลูกเรือของกัลฟ์ สกาย ได้เล่าถึงความรู้สึกของพวกเขาจากการตกเป็นเหยื่อของศึกพิพาททางภูมิรัฐศาสตร์ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา และคำถามต่าง ๆ ยังคงค้างคาใจพวกเขา

 

เรือของพวกเขาออกจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร ทั้งที่ถูกควบคุมไว้อยู่ ทำไมอิหร่านถึงให้เรือลำนี้เข้าจอด ถ้า TMS เจ้าของเรือในตอนนั้น จัดหาเจ้าหน้าที่สำรวจเรือมา พวกเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกล่าวหาจี้เรือนี้ด้วยหรือไม่

 

เซเว่น ซีส์ เนวิเกชัน ได้ตั้งคำถามว่า ทำไมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงใช้เวลานานในการรายงานการสูญหายไปของเรือ ผู้อำนวยการ เชก ชาคีล อาห์เหม็ด กล่าวว่า เขาขาดการติดต่อกับลูกเรือ ในช่วงดึกของวันที่ถูกกล่าวหาว่ามีการจี้เรือ และเขาได้ส่งข้อความไปยังเจ้าหน้าที่ทางการประจำอ่าว เพื่อถามว่าลูกเรือเหล่านั้นอยู่ที่ไหน

 

สอดคล้องกับสิ่งที่บีบีซีตรวจสอบ หลายวันหลังจากเกิดเหตุจี้เรือดังที่กล่าวหานั้น เขาได้รับแจ้งว่า กัลฟ์ สกาย ยังคงทอดสมออยู่ที่อ่าว จากนั้นอีก 3 วัน เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จึงได้ลงทะเบียนการสูญหายของเรือลำดังกล่าว

 

 

ร.อ. อับดุลเลาะห์ อัล-เฮย์ยาส ผู้อำนวยการแผนกกิจการขนส่งทางทะเลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ยืนกรานว่า นี่ไม่ใช่หลักฐานว่า ประเทศของเขามีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เขาก็ยอมรับว่า ยังไม่มีการตรวจสอบอย่างเหมาะสมเพื่อค้นหาเรือ หลังจากที่หายไปจากจอเรดาร์ของเจ้าหน้าที่ทางการ


นับตั้งแต่มีการกล่าวหาว่าเรือถูกจี้ เรือกัลฟ์ สกาย ได้เปลี่ยนเจ้าของและเปลี่ยนชื่อเป็น รีมา (Rima)

 

 

ส่วนเหตุผลที่มีการนำเรือออกไปได้อย่างง่ายดาย ร.อ. อัล-เฮย์ยาส บอกว่า เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากอย่างเหลือเชื่อที่เรือที่ถูกควบคุมไว้จะหนีออกไปได้ เรือที่หลบหนีออกไปมักจะถูกควบคุมไว้ไม่ยากในที่อื่น และผู้ที่อยู่บนเรือก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงานอีกต่อไป

 

แต่ขณะที่บรรดากะลาสีเรือกำลังค้นหาคำตอบ มีคนบางส่วนไม่เชื่อเรื่องที่พวกเขาเล่า หลายคนเชื่อว่า มีคนเดินเรือบางส่วนอาจจะรู้เห็นกับแผนการนี้

 

 

ร.อ. อัล-เฮย์ยาส กล่าวว่า "เราดีใจที่พวกเขาเดินทางถึงบ้านอย่างปลอดภัย แต่ยังมีคำถามหลายข้อ"

 

ข้อสงสัยอย่างหนึ่งคือ เรือลำนี้แล่นออกทะเลไปอย่างรวดเร็วได้อย่างไร หลังจากที่มีการกล่าวหาว่าถูกจี้ ปกติแล้ว จะต้องใช้เวลานานในการเตรียมเครื่องยนต์และถอนสมอเรือขึ้นมา

 

นายชาคีล กล่าวว่า เครื่องยนต์ของเรือยังมีสภาพทรุดโทรมอีกด้วย และไม่ได้มีการตรวจสอบอย่างเป็นทางการมาเป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว เขาเชื่อว่า ผู้ที่จี้เรือจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากลูกเรือในการเตรียมเครื่องยนต์ไว้ก่อนล่วงหน้า และประเมินว่าเรือกัลฟ์ สกาย สามารถที่จะเดินทางไปถึงอิหร่านได้อย่างปลอดภัยหรือไม่

 

สมาชิกลูกเรือที่พูดคุยกับบีบีซีต่างปฏิเสธการช่วยเหลือผู้ที่จับกุมตัวพวกเขา

 

"มันน่าโมโห" กะลาสีเรือคนหนึ่งกล่าว "คนที่มีสมองคงไม่กล่าวหาพวกเราอย่างนั้น ถ้าเรามีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับค่าจ้างจากชาวอิหร่าน ทำไมเราถึงมาต่อสู้เรียกร้องเงินเดือนของเรา"

 

การที่ไม่มีใครรู้ว่าเรืออยู่ที่ไหน และเจ้าของเรือก็ยังไม่ออกมาพูด อดีตลูกเรือกัลฟ์ สกาย กล่าวว่า ความยุติธรรมเป็นเรื่องยากที่จะได้มา

สำหรับตอนนี้ ผู้ที่ให้สัมภาษณ์กับบีบีซีเกือบทุกคนกลับไปทำงานในทะเลตามเรือต่าง ๆ ทั่วโลกแล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่ายดาย

"ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยในทุกที่ แต่ผมจะหาเลี้ยงลูก ๆ อย่างไรได้อีก" กัปตันซิงห์ กล่าว "นี่คืองานเดียวที่ผมทำเป็น"

.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง