ชมดิไซน์ Fehmarnbelt อุโมงค์ใต้น้ำแห่งใหม่ยาวที่สุดในโลก เชื่อมเดนมาร์ก-เยอรมนี
อุโมงค์เฟห์มาร์นเบลท์ (Fehmarnbelt) เป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป ใช้งบประมาณถึง 7 พันล้านยูโร หรือประมาณ 2.6 แสนล้านบาท โดยอุโมงค์ 89 ท่อนจะถูกสร้างบนบก ก่อนจะถูกทำให้จมไปใต้น้ำลึก 40 เมตรในร่องที่ขุดไว้ เพื่อประกอบเป็นอุโมงค์ยาว 18 กิโลเมตร
สำหรับชิ้นส่วนอุโมงค์แต่ละท่อน มีความยาว 217 เมตร กว้าง 42 เมตร สูง 9 เมตร ใช้กำลังคนในการก่อสร้างราว 2,500 คน ก่อสร้างบริเวณช่องแคบเฟห์มาร์น (Fehmarn) ในทะเลบอลติก ช่วงกึ่งกลางระหว่างตอนเหนือเยอรมนีกับเกาะโลลันด์ (Lolland) ของเดนมาร์ก
อุโมงค์เฟห์มาร์นเบลท์ ยังเป็นอุโมงค์ถนนควบคู่รางรถไฟที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วย โดยในอุโมงค์จะเป็นทางสองเลนรวมทั้งหมดเป็นสี่เลน มีทางซ่อมบำรุงคั่นกลาง ส่วนฝั่งริมสุดจะเป็นรางรถไฟฟ้ารางคู่ ขณะเฮนริก วินเซนต์เซน (Henrik Vincentsen) ซีอีโอของเฟแมร์น เอสแลชเอส (Femern A/S) บริษัทรัฐวิสาหกิจสัญชาติเดนมาร์ก บริษัทผู้รับผิดชอบโครงการ เผยว่า พวกเขาคาดว่า จะเริ่มต้นประกอบอุโมงค์ได้ช่วงต้นปีหน้าเป็นต้นไป
โดยจุดเริ่มต้นของโครงการเฟห์มาร์นเบลท์ เป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาแบบทวิภาคีระหว่างเยอรมนี และเดนมาร์ก เริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2008 ผ่านการตรวจสอบด้านสิ่งแวดล้อมกว่า 1 ทศวรรษ จนผ่านการอนุมัติในที่สุด ซึ่งอุโมงค์เฟห์มาร์นเบลท์จะช่วยให้การเดินทางระหว่างโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์คไปยังฮัมบูร์ก เมืองใหญ่ทางตอนเหนือของเยอรมนีใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งเท่านั้น
ทั้งนี้ ทีมผู้สร้างเคลมว่า ในการเดินทางแบบเดิมคือการเดินทางข้ามฟากด้วยเรือเฟอร์รี่ ใช้เวลาถึง 45 นาที แต่การใช้งานอุโมงค์นี้ จะช่วยร่นระยะเวลาการข้ามฝั่งลงเหลือเพียง 10 นาทีเท่านั้น และยังทำให้การเดินทางด้วยรถไฟระหว่างประเทศต่าง ๆ ในยุโรปสั้นลง 160 กิโลเมตร ทั้งยังช่วยลดการผลิตคาร์บอนจากการเดินทางด้วยรถไฟ แทนที่การใช้เครื่องบินระหว่าง 2 เมืองได้
ขณะที่ไมเคิล สเวน (Michael Svane) ตัวแทนสมาพันธ์อุตสาหกรรมเดนมาร์ก องค์กรธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของเดนมาร์ก เชื่อว่าอุโมงค์นี้จะเป็นประโยชน์ต่อเดนมาร์กอย่างมหาศาล โดยอุโมงค์แฟห์มาร์นเบลท์ จะเป็นเหมือนระเบียงเชื่อมระหว่างประเทศกลุ่มสแกนดิเนเวีย และยุโรปตอนกลาง ช่วยลดมลภาวะ และยังสร้างงานและรายได้ ไม่เพียงแค่ในพื้นที่ แต่ยังรวมไปถึงในระดับประเทศอีกด้วย
สำหรับแผนการก่อสร้าง ทีมก่อสร้างจะเริ่มต้นการวางอุโมงค์ใต้น้ำในปี 2024 จากนั้นก็ทำอุโมงค์ให้ใช้ได้จริงเพื่อเปิดใช้งานเต็มรูปแบบในปี 2029
ที่มาของข้อมูล edition.cnn.com
ที่มาของรูปภาพ Femern A/S