รีเซต

ROJNA ชูที่ดินอีอีซี2พันไร่ Q4 ยอดดี GULF หนุนกำไร

ROJNA ชูที่ดินอีอีซี2พันไร่ Q4 ยอดดี GULF หนุนกำไร
ทันหุ้น
6 ตุลาคม 2564 ( 23:44 )
361

ทันหุ้น - ROJNA ชนะเลิศ รัฐขยายเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่ม กวาดสูงสุดถึง 2,199 ไร่ ทั้งในส่วนนิคมโรจนะแหลมฉบังและหนองใหญ่ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ เผยมีที่ดินพร้อมขายทันที แย้มเจรจาลูกค้าจีนต่อเนื่อง ไตรมาส 4 ปิดดีลขายที่พรึบ เป้าขายปีนี้ 500 ไร่ ส่วนรายได้ขายไฟฟ้าแตะ 9 พันล้านบาท โบรกมองได้ประโยชน์จากการขยายเขตเศรษฐกิจพิเศษ แถมไตรมาส 3/2564 มีกำไรเพิ่มหลังหุ้น GULF พุ่งแรง ส่องเป้าหมาย 7.64 บาท

 

นางสาวอมรา  เจริญกิจวัฒนกุล กรรมการอิสระ บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA เปิดเผยว่า การที่คณะรัฐมนตรี หรือครม. ตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติม จำนวน 6 แห่ง ตามมติคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อเพิ่มจุดแข็งดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายและรองรับการลงทุนในอนาคต โดยในนั้นมีนิคมอุตสาหกรรมโรจนะด้วย คือ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี พื้นที่ 698 ไร่ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบินและโลจิสติกส์ และนิคมอุตสาหกรรมโรจนะหนองใหญ่ จังหวัดชลบุรี พื้นที่ 1,501 ไร่ รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ การบินและโลจิสติกส์  ซึ่งบริษัทมีที่ดินรองรับการขยายพื้นที่อยู่แล้ว และแผนงานของบริษัทเพื่อที่จะรองรับนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ๆ ตามกระแสโลก

 

*หวังยอดขายที่ดินฟื้น

ทั้งนี้ปัจจุบันมีการเจรจานักลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะนักลงทุนจีน ในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยหากนักลงทุนสามารถเข้ามาดูที่ดินได้มากขึ้น สอดคล้องกับสถานการณ์ต่างๆ น่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้น จากการเร่งฉีดวัคซีน การลดวันกักตัวเหลือ 7 วัน จะทำให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจในการซื้อมากขึ้น ทำให้คาดว่าในไตรมาส 4/2564 ยอดขายจะมีทิศทางฟื้นตัวขึ้น และคาดว่าปีหน้าจะสามารถกลับมาทำยอดขายได้ระดับปกติประมาณ 400-500 ไร่

 

“คาดหวังว่ายอดขายที่ดินจะดีขึ้น การขยายเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ ก็น่าจะช่วยให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากด้วย ตามสถานการณ์ที่ดีขึ้น การลดวันกักตัว ส่วนอุตสาหกรรมโรจนะก็ไปตามเทรนด์ของโลกสอดคล้องกับบริษัทที่จะเข้ามาลงทุนที่เป็นเทรนด์สมัยใหม่ ภาครัฐก็ส่งเสริมอีวี มีสิทธิประโยชน์ต่างๆ ก็น่าจะเร่งผลักดันอุตสาหกรรมได้ โดยไทยนับเป็นฐานการผลิตยานยนต์ มีเป้าหมายที่จะเป็นฮับอีวีต่อไป”

 

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีรายได้หนุนในเรื่องของธุรกิจธุรกิจสาธารณูปโภค (Utilities) ทั้งการจำหน่ายน้ำอุตสาหกรรมและโครงการโรงไฟฟ้า คาดว่าปีนี้จะทำรายได้กว่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังเดินหน้าผลักดันธุรกิจติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปด้วยปัจจุบันมีการขยายฐานลูกค้าทั้งในนิคมอุตสาหกรรมของโรจนะและนอกนิคมอุตสาหกรรมยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

 

@ได้พื้นที่เยอะสุด

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ปัจจุบัน  EEC มีพื้นที่รับรองการประกอบกิจการอุตสาหกรรม 15,836 ไร่ คาดว่าจะรองรับการลงทุนได้เพียง 5 ปี ทำให้ล่าสุดเมื่อวานนี้ ครม. มีมติเห็นชอบจัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษเพิ่มเติมอีก 6 แห่ง เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างชาติ ในอุตสาหกรรมเป้าหมาย New S-Curve มีพื้นที่รวม 6,884 ไร่ หลักๆ คือ นิคมอุตสาหกรรมโรจนะแหลมฉบัง และหนองใหญ่ ในจังหวัดชลบุรี (ROJNA) รวม 2,199 ไร่ หรือราว 32% ของพื้นที่ทั้งหมด

 

@หุ้น GULF ขึ้นปั๊มกำไรงาม

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด คงคำแนะนำ “ซื้อ” ROJNA เพื่อลงทุนระยะยาว คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะโตมากถึง 23%จากปีก่อน เป็น 1,695 ล้านบาท เนื่องจากบันทึกกำไรพิเศษสูงจากการขายกองรีท Fraser Logistics and Commercial Trust (Singapore)  หรือ REIT FLT ที่สิงคโปร์ บันทึกกำไรสูง เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนที่ต่ำ ในช่วงครึ่งแรกปีนี้บันทึกกำไรแล้ว 214 ล้านบาท สำหรับในช่วงต้น ไตรมาส 3/2564  มีการขายอีกบางส่วน คาดว่าจะได้รับกำไรเข้ามาราว 95 ล้านบาท รวมทั้งมีการเทรดดิ้งซื้อกลับเข้ามาบ้าง และรอขายทำกำไร หากสมมติให้บริษัทสามารถขายส่วนที่เหลือได้ทั้งหมดภายในปีนี้ที่ราคา 1.5  ดอลลาร์สิงคโปร์ต่อหน่วย คาดว่าปีนี้บริษัทจะมีกำไรจากการขาย REIT FLT ที่สิงคโปร์ทั้งหมดมากถึง 472 ล้านบาท ทั้งนี้ใช้ต้นทุนที่คำนวณมาถึงปัจจุบันไม่ใช่เริ่มแรก

 

นอกจากนี้ ROJNA ยังจะมีกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าสินทรัพย์ทางการเงิน คือ หุ้น GULFซึ่งราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปมากในปีนี้  ประเมินราคาพื้นฐานสูงขึ้นเป็น 7.92 บาท ด้วยวิธี SOP แบ่งเป็นมูลค่า ROJNA ที่ 5.74 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/BV-Adjusted ที่ 1.0 เท่า โดยเลื่อนไปใช้ของปี 2565 แทนปี 2564 และมูลค่าเงินลงทุนใน GULF และ REIT FLT สูงขึ้นที่ 2.18 บาท ซึ่งมีการปรับราคาพื้นฐาน GULF ให้มากขึ้นเป็น 42.83 บาท จากเดิมที่ 36.00 บาท

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง