รีเซต

'ออสเตรเลีย' ไฟเขียวคนฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดส ออกนอกประเทศ พ.ย. นี้

'ออสเตรเลีย' ไฟเขียวคนฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดส ออกนอกประเทศ พ.ย. นี้
Xinhua
27 ตุลาคม 2564 ( 15:33 )
36
'ออสเตรเลีย' ไฟเขียวคนฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบโดส ออกนอกประเทศ พ.ย. นี้

แคนเบอร์รา, 27 ต.ค. (ซินหัว) -- เมื่อคืนวันอังคาร (26 ต.ค.) รัฐบาลกลางออสเตรเลียปรับแก้กฎหมายความปลอดภัยทางชีวภาพในมนุษย์ (Human Biosecurity Determination) ซึ่งจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศขณะเกิดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)

 

การปรับแก้กฎหมายข้างต้น ซึ่งบังคับใช้มาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ได้เปิดทางให้ชาวออสเตรเลียที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้วสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้อย่างอิสระโดยไม่ต้องขออนุญาตเป็นครั้งแรก เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. เป็นต้นไป

 

วันพุธ (27 ต.ค.) เกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่านี่เป็นขั้นแรกของการเปิดประเทศอีกครั้ง โดยพลเมืองและผู้อยู่อาศัยถาวรในออสเตรเลียต้องแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ยี่ห้อที่องค์การกำกับดูแลสินค้ารักษาโรค (TGA) อนุมัติหรือยอมรับ และต้องฉีดโดสที่ 2 ก่อนเดินทางอย่างน้อย 7 วัน ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนจะต้องยื่นขออนุญาตกับกระทรวงกิจการภายใน และปฏิบัติตามมาตรการกักตัวที่เข้มงวดเมื่อเดินทางกลับมาถึงประเทศเช่นเดิม

 

เมื่อเช้าวันพุธ (26 ต.ค.) ออสเตรเลียรายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่ติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่มกว่า 1,800 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิต 16 ราย ขณะยังคงต่อสู้กับการระบาดระลอก 3 โดยกลุ่มผู้ป่วยใหม่ส่วนมากพบในวิกตอเรีย รัฐที่มีประชากรสูงอันดับ 2 ของประเทศ ขณะที่เมลเบิร์น ซึ่งเป็นเมืองเอกของรัฐ ตรวจพบผู้ป่วยใหม่ 1,534 ราย และผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่ม 13 ราย

 

กระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลียระบุว่ากว่าร้อยละ 74 ของชาวออสเตรเลียอายุ 16 ปีขึ้นไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ครบโดสแล้ว เมื่อนับถึงวันอังคาร (26 ต.ค.)

 

ด้านองค์การกำกับดูแลสินค้ารักษาโรค (TGA) อนุมัติการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์เป็นโดสกระตุ้นให้ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไป โดยเว้นระยะจากโดสที่ 2 เป็นเวลา 6 เดือน

 

ทั้งนี้ ออสเตรเลียอาจเริ่มฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นให้ประชาชนทั่วไปภายในวันที่ 8 พ.ย. โดยเปิดทางให้กลุ่มเสี่ยงสูง อาทิ ผู้อยู่ในบ้านพักคนชราหรือศูนย์ดูแลผู้พิการ เลือกเข้ารับวัคซีนเป็นกลุ่มแรก หลังจากได้รับคำแนะนำขั้นสุดท้ายจากคณะที่ปรึกษาทางเทคนิคด้านการสร้างภูมิคุ้มกันแห่งออสเตรเลีย (ATAGI)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง