รีเซต

กกต.ติวกฎ-กติกา ชิงผู้ว่าฯกทม.-ส.ก. ปราม‘ซื้อสิทธิ-ขายเสียง’

กกต.ติวกฎ-กติกา ชิงผู้ว่าฯกทม.-ส.ก. ปราม‘ซื้อสิทธิ-ขายเสียง’
มติชน
6 เมษายน 2565 ( 09:11 )
93

หมายเหตุสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กกต.กทม.) จัดโครงการเลือกตั้งสมานฉันท์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยมีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต. และ ร.ต.อ.มนูญ วิเชียรนิตย์ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 3สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร่วมบรรยายให้ความรู้ข้อควรปฏิบัติของผู้สมัคร

อิทธิพร บุญประคอง
ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

การเลือกตั้ง ส.ก.และผู้ว่าฯกทม.ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ ถือว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเลือกตั้งผู้ที่จะมาบริหารและติดตามตรวจสอบการบริหาร กทม. ซึ่งเป็นมหานครองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นรูปแบบพิเศษ ที่จะต้องมีการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมในพื้นที่ที่มีปัจจัยทางสังคมที่แตกต่างและหลากหลาย

ดังนั้น จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหลาย ทั้งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ดำเนินการหรือจัดการควบคุมการเลือกตั้ง ผู้สนับสนุนการเลือกตั้ง และประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ต่างมีพันธะร่วมกัน ที่จะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม และชอบด้วยกฎหมาย และถือเป็นโอกาสดีที่ผู้สมัครทุกคนจะได้แสดงความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะปฏิบัติให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยการสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม เต็มใจและสมัครใจในการประกาศเจตจำนงสุจริตในการเลือกตั้งร่วมกัน เพื่อสร้างความสมานฉันท์ถือเป็นการสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองที่ดีงามให้สังคมประชาชนได้รับรู้รับทราบ

สิ่งสำคัญประการหนึ่งที่จะทำให้การจัดการเลือกตั้งเป็นไปอย่างสมานฉันท์ สุจริตและเที่ยงธรรมอย่างแท้จริง คือบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องรู้จักหน้าที่ และปฏิบัติให้เป็นไปตามหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 50 ได้บัญญัติหน้าที่ของบุคคลไว้ โดยอนุมาตรา 3 บัญญัติว่าบุคคลมีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ซึ่งในบริบทนี้คือกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่น อนุมาตรา 6 บัญญัติว่าเคารพและไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของคนอื่นและไม่กระทำการใดที่อาจก่อให้เกิดความแตกแยกหรือเกลียดชังในสังคม อนุมาตรา 7 บัญญัติว่า ไปใช้สิทธิเลือกตั้งโดยคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมของประเทศเป็นสำคัญ และอนุมาตรา 10 บัญญัติว่า ไม่ร่วมมือหรือสนับสนุนการทุจริตในทุกรูปแบบ

ซึ่งเรื่องเหล่านี้ถือเป็นหน้าที่ของปวงชนชาวไทยในรัฐธรรมนูญ หากทุกคนได้ปฏิบัติตามหน้าที่ดังกล่าวแล้วเชื่อมั่นว่าจะทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรมและชอบด้วยกฎหมาย

กฎหมายเลือกตั้งฉบับปัจจุบันมีสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากกฎหมายฉบับก่อนๆ ทั้งคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง วิธีการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งปัจจุบัน กกต.ได้จัดทำแอพพลิเคชั่น “Smart Vote” หรือ “ฉลาดเลือก” ซึ่งมีข้อมูลที่สำคัญทั้งกฎหมายท้องถิ่น คำถาม-ตอบเกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฎหมายเลือกตั้งและพรรคการเมือง การตรวจสอบสิทธิต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง รวมทั้งช่องทางการแจ้งเบาะแสการทุจริตเลือกตั้งผ่านแอพพลิเคชั่น “ตาสับปะรด”

แต่เมื่อถึงเวลาที่การหาเสียงเพิ่มความเข้มข้นขึ้น แนะนำให้โทรสายด่วน 1444 ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ กกต.ให้คำปรึกษาทันที เพื่ออำนวยความสะดวกให้การหาเสียงเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และสมานฉันท์

ร.ต.อ.มนูญ วิเชียรนิตย์
ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 3 กกต.

สิ่งสำคัญที่อยากเน้นย้ำกับผู้สมัครทุกคนทั้งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. และ ส.ก. ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติให้ครบถ้วน อย่าให้มีปัญหาเด็ดขาด เพราะบทลงโทษตามกฎหมายท้องถิ่น ค่อนข้างเข้มข้นและรุนแรง ซึ่งการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนตำบลและสมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบล พบผู้ขาดคุณสมบัติในการลงสมัครนับพันราย

ดังนั้น ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง จะมีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท และถูกศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งได้

สำหรับค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งและการยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น โดยมาตรา 60 ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น กำหนดให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดประกาศกำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัคร ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่ กกต.กำหนด

ส่วนมาตรา 60 วรรคสาม กำหนดห้ามมิให้ผู้สมัครใช้จ่ายการเลือกตั้งเกินจำนวนเงินค่าใช้จ่ายที่กำหนด โดยระยะเวลาในการยื่นค่าใช้จ่ายนั้นกำหนดว่าภายใน 90 วันนับจากวันเลือกตั้งผู้สมัครต้องยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้ง พร้อมทั้งหลักฐานที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องครบถ้วนตามความจริงต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด

ทั้งนี้ หากผู้สมัครผู้ใดยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งโดยไม่ถูกต้องครบถ้วน หรือเมื่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัด มีเหตุอันควรสงสัยหรือได้รับแจ้งโดยมีหลักฐานอันสมควรว่า ผู้สมัครผู้ใดใช้จ่ายในการเลือกตั้งเกินจำนวนค่าใช้จ่ายที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดประกาศกำหนด ให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดสอบสวนข้อเท็จจริงให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน นับแต่วันที่ครบกำหนดยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งหรือภายใน 180 วัน นับแต่วันที่มีเหตุอันควรสงสัย

สำหรับการตรวจสอบค่าใช้จ่าย ถ้าเป็นกรณีที่ผู้สมัครผู้นั้นเป็นผู้ได้รับเลือกตั้ง ถ้า กกต.เห็นว่าผู้นั้นกระทำการตามที่ถูกกล่าวหา ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์หรือศาลอุทธรณ์ภาค เพื่อให้มีคำสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นและสั่งให้มีการเลือกตั้งแทนสำหรับตำแหน่งที่ว่าง

ขณะที่บทกำหนดโทษเรื่องค่าใช้จ่าย หากพบว่าผู้สมัครผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 5 ปีหรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทหรือปรับเป็นจำนวนสามเท่าของจำนวนเงินที่เกินจำนวนค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดประกาศกำหนด และถ้าผู้สมัครใดไม่ยื่นบัญชีรายรับและรายจ่ายต่อ กกต. ภายในระยะเวลาที่กำหนด หรือจงใจยื่นเอกสารหรือหลักฐานไม่ครบถ้วนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 5 ปี

ส่วนการหาเสียงการเลือกตั้ง พรรคการเมืองสามารถช่วยผู้สมัครหาเสียงได้ โดยพรรคการเมืองนั้นต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามระเบียบและให้ถือเป็นการโฆษณาหาเสียงเลือกตั้ง

ทั้งนี้ ให้นับรวมค่าใช้จ่ายดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัครนั้นด้วย สำหรับการหาเสียงโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ผู้สมัคร พรรคการเมือง หรือผู้ใดสามารถใช้วิธีการหาเสียงเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วยตนเองหรือมอบหรือว่าจ้างบุคคลหรือนิติบุคคลดำเนินการแทนได้ ด้วยวิธีการ เว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย ยูทูบแอพพลิเคชั่น อีเมล์ เอสเอ็มเอส สื่ออิเล็กทรอนิกส์อื่นทุกประเภท โดยระบุชื่อ รูปถ่าย หมายเลขประจำของตัวผู้สมัคร ชื่อของพรรคการเมืองสัญลักษณ์ของพรรคการเมือง สัญลักษณ์ นโยบายของผู้สมัคร คติพจน์ คำขวัญ ข้อมูลประวัติเฉพาะที่เกี่ยวกับตัวผู้สมัครพร้อมระบุชื่อตัว ชื่อสกุล ที่อยู่ของผู้ว่าจ้าง ผู้ผลิต จำนวน และวันเดือนปีที่ผลิตไว้บริเวณที่เห็นได้ชัดเจนด้วย กรณีการนำข้อมูลเกี่ยวกับพรรคการเมือง หรือการนำภาพบุคคลเพื่อใช้ในการหาเสียงเลือกตั้ง จะต้องได้รับความยินยอมจากบุคคลหรือพรรคการเมืองนั้น และอาจนำภาพผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันมาใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งด้วยก็ได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ช่วยหาเสียง กฎหมายกำหนดว่าผู้สมัครที่ประสงค์จะมีผู้ช่วยหาเสียงเพื่อช่วยเหลือในการหาเสียงการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งให้ผู้สมัครแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ช่วยหาเสียง หน้าที่และค่าตอบแทนผู้ช่วยหาเสียง รวมทั้งหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องโดยการหาเสียงของผู้ช่วยหาเสียงผู้สมัครสามารถจัดหาเสื้อผ้า สิ่งของ เลี้ยงอาหารหรือเครื่องดื่ม และให้ผู้สมัครต้องจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ช่วยหาเสียงที่ได้ช่วยเหลือหาเสียงเลือกตั้งตามอัตราค่าตอบแทนผู้ช่วยหาเสียง

ทั้งนี้ การแจ้งเปลี่ยนตัวผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้งนั้นให้ผู้สมัครดำเนินการแจ้งไม่เกิน 3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ช่วยหาเสียงในการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม กรณีที่พบว่ามีบุคคลใดซึ่งไม่ใช่ผู้ช่วยหาเสียงของผู้สมัคร เข้าช่วยเหลือหาเสียงเลือกตั้งให้ผู้สมัครแจ้งเหตุการณ์นั้นให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบโดยเร็ว

สำหรับการปิดประกาศและป้ายหาเสียงการเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครที่ประสงค์จัดทำและปิดประกาศเกี่ยวกับการหาเสียงการเลือกตั้งหรือจัดทำและติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการหาเสียง ต้องจัดทำและปิดประกาศเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้ง มีขนาดความกว้างไม่เกิน 30 เซนติเมตร และมีขนาดความยาวไม่เกิน 42 เซนติเมตร โดยป้ายประกาศเกี่ยวกับการหาเสียง ผู้สมัครสามารถระบุ ชื่อ รูปถ่ายหมายเลขประจำของตัวผู้สมัคร ชื่อของพรรคการเมือง สัญลักษณ์ของพรรคการเมือง สัญลักษณ์ นโยบายของผู้สมัคร เป็นต้น

การปิดประกาศเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งหรือติดแผ่นป้ายเกี่ยวกับการหาเสียง ผู้สมัครกระทำได้เฉพาะสถานที่ที่ กกต.ประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประกาศกำหนด

ทั้งนี้ ถ้าผู้สมัครปิดประกาศเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งหรือติดป้ายหาเสียงไม่ถูกต้อง ให้หัวหน้าหน่วยงาน หัวหน้าพนักงานส่วนท้องถิ่น เจ้าพนักงานท้องถิ่น มีอำนาจสั่งผู้สมัครให้แก้ไขให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนด หากไม่แก้ไขภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ผู้มีอำนาจสั่งรื้อถอน ทำลาย ปลดออกได้

ส่วนลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง กฎหมายกำหนดห้ามผู้สมัครดำเนินการหรือยินยอมให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียง นอกจากนี้ ยังกำหนดห้ามแจกจ่ายเอกสารเกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการวาง หรือโปรยในที่สาธารณะ แจกเอกสารหรือวีดิทัศน์เกี่ยวกับการหาเสียงที่ไม่ได้ระบุชื่อตัว ใช้พาหนะต่างๆ ในการหาเสียงเลือกตั้งหรือจัดสถานที่หรือเวทีเพื่อโฆษณาหาเสียงเลือกตั้งที่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบ หาเสียงโดยใช้ถ้อยคำที่รุนแรงหรือปลุกระดม หาเสียงโดยนำชื่อของพรรคการเมือง สัญลักษณ์ของพรรคการเมือง คติพจน์คำขวัญ หรือภาพบุคคล โดยมิได้มีหนังสือให้ความยินยอมจากบุคคลหรือพรรคการเมือง นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดห้ามผู้สมัครกระทำหรือยินยอมให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดกระทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนโดยมีเจตนาไม่สุจริต มีลักษณะเป็นการชี้นำหรือมีผลต่อการตัดสินใจในการลงคะแนนเลือกหรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด และห้ามผู้สมัครกระทำหรือยินยอมให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดกระทำการเปิดเผยหรือเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการรออกเสียงลงคะแนนในระหว่าง 7 วันก่อนวันเลือกตั้งจนถึงเวลาปิดการออกเสียงลงคะแนน

ขณะเดียวกันกฎหมายยังกำหนดห้ามผู้สมัครหรือผู้ใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองหรือผู้สมัครอื่น หรือให้งดเว้นการลงคะแนนให้แก่ผู้สมัคร หรือการชักชวนให้ไปลงคะแนนไม่เลือกผู้ใด รวมทั้งจัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้หรือจัดเตรียมเพื่อจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด ห้ามกระทำการเลี้ยงหรือรับจัดเลี้ยง หลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญใช้อิทธิพลคุกคาม ใส่ร้ายด้วยความเท็จ

รวมทั้งยังกำหนดห้ามผู้สมัครจัดยานพาหนะนำผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปที่เลือกตั้งเพื่อการเลือกตั้งหรือนำกลับจากที่เลือกตั้ง หรือจัดให้มีผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปหรือกลับจากที่เลือกตั้งโดยไม่ต้องเสียค่าโดยสารหรือค่าจ้างซึ่งต้องเสียตามปกติ โดยมีอัตราโทษ จำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิ

นอกจากนี้ กฎหมายยังกำหนดห้ามผู้ใด โฆษณาหาเสียงเลือกตั้งโดยวิธีการใดๆ อันเป็นคุณหรือโทษแก่ผู้สมัครนับตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนสิ้นสุดวันเลือกตั้ง ห้ามผู้ใดซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้งแต่พยายามออกเสียงลงคะแนนหรือออกเสียงลงคะแนน ห้ามผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ใดใช้บัตรอื่นที่ไม่ใช่บัตรเลือกตั้งที่ได้รับจากกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งเพื่อการออกเสียงลงคะแนน ห้ามมิให้ผู้ใดนำบัตรเลือกตั้งออกไปจากที่เลือกตั้ง เว้นแต่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ ห้ามผู้ใดจงใจทำเครื่องหมายโดยวิธีการใดไว้ที่บัตรเลือกตั้งนอกจากเครื่องหมายที่ลงคะแนน และในระหว่างออกเสียงลงคะแนน ห้ามมิให้ผู้ใดใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ใดถ่ายภาพบัตรเลือกตั้งเพื่อให้เห็นเครื่องหมายลงคะแนนในคูหาเลือกตั้ง ห้ามผู้มีสิทธิเลือกตั้งนำบัตรเลือกตั้งที่ออกเสียงลงคะแนนแล้วแสดงต่อผู้อื่นเพื่อให้ผู้อื่นทราบว่าตนลงคะแนนเลือกหรือลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด

ขณะเดียวกันกฎหมายยังกำหนดห้ามผู้ใดกระทำการโดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมายเพี่อมิให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ หรือขัดขวาง หน่วงเหนี่ยวไม่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปที่เลือกตั้งหรือไม่ให้ไปถึงที่ดังกล่าวภายในกำหนดเวลาที่จะออกเสียงลงคะแนนได้

ห้ามมิให้ผู้ใดจ่าย แจก หรือให้เงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อจูงใดไม่ให้ออกเสียงลงคะแนนหรือกระทำการใดๆ เพื่อไม่ให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปออกเสียงลงคะแนน

ส่วนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง กฎหมายกำหนดห้ามผู้มีสิทธิเลือกตั้งเรียกรับหรือยอมจะรับเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นเพื่อลงคะแนนเลือกลงคะแนนไม่เลือกผู้สมัครใดห้ามมิให้ผู้ใดกระทำการใดใดเพื่อให้บัตรเลือกตั้งที่ในสถานที่นับคะแนนเลือกตั้งมีจำนวนผิดจากความจริง ห้ามกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งจงใจนับบัตรเลือกตั้ง อ่านบัตรเลือกตั้ง นับคะแนนเลือกตั้งหรือรวมคะแนนเลือกตั้งให้ผิดจากความจริง หรือทำให้เป็นบัตรเสียหรือกระทำการใดแก่บัตรเพื่อให้เป็นบัตรเลือกตั้งที่ใช้ได้หรือทำรายงานการเลือกตั้งผิดจากความจริง

รวมทั้งห้ามผู้ใดขายจำหน่ายจ่ายแจกหรือจัดเลี้ยงสุราทุกชนิดในเขตเลือกตั้งในระหว่างเวลา 18.00 น. ของวันก่อนวันเลือกตั้งหนึ่งวันจนถึงเวลา 18.00 น. ของวันเลือกตั้ง และห้ามผู้ใดเล่นหรือจัดให้มีการเล่นการพนันขันต่อใดๆ เกี่ยวกับผลของการเลือกตั้ง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง