เรือเฟอร์รี่- หน่วยซีลทีมอาสาสมัครประดาน้ำลงสำรวจเรือยังไม่พบผู้สูญหายต้องยกเลิกค้นหาเหตุทัศนวิสัยไม่ดี
เรือเฟอร์รี่- หน่วยซีลทีมอาสาสมัครประดาน้ำลงสำรวจเรือยังไม่พบผู้สูญหายต้องยกเลิกค้นหาเหตุทัศนวิสัยไม่ดี
หน่วยซีล-ทีมประดาน้ำกู้ภัยทางทะเล ดำสำรวจในตัวเรือเฟอร์รี่ พบรถพ่วง 2 คัน แต่ยังไม่พบผู้สูญหายทั้ง 3 คน คาดอาจจะติดตามห้องโดยสารของเรือ แต่ความแรงของคลื่นใต้น้ำและน้ำที่ขุ่นมากมองเห็นได้แค่ 1 เมตร ต้องยกเลิกภารกิจค้นหา
เมื่อเวลา 14.30น. วันที่ 5 ส.ค. 63 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก เรือหลวงราวี 785 ฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่ 2 กองทัพเรือ ที่เข้าปฏิบัติภารกิจค้นหาผู้สูญหายจากเหตุเรือเฟอร์รี่ ราชา4จุดที่เรือล่มบริเวณเกาะสี่ เกาะห้า ห่างจากเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ร่วมกับจังหวัดสุราษฎร์ธานี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีนักประดาน้ำหน่วยซีล10 นาย พร้อมทีมอาสาสมัครประดาน้ำกู้ภัยทางทะเล ประกอบด้วยนักประดาน้ำจากมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี 10 นาย และทีมนักประดาน้ำจากเกาะเต่า 16 นาย นำโดยนายอีวาน คาราดซิก (IVAN KARADZIC) ครูสอนดำน้ำชาวแคนนาดา ซึ่งเป็น 1ในทีมนักดำน้ำกู้ภัยที่เข้าช่วยเหลือ 13 หมูป่า ที่ติดอยู่ภายในถ้ำหลวง อุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน นำอุปกรณ์ดำน้ำ และไฟส่องสว่างค้นหาผู้สูญหาย 3 ราย ภายในเรือเฟอร์รี่ที่ล่มตั้งแต่ช่วงเวลา 07.00น. ของวันนี้
สำหรับการปฏิบัติงานของหน่วยซีล และทีมอาสาสมัครประดาน้ำกู้ภัยทางทะเล ได้แบ่งรวมกันเป็น 4ชุด ชุดละ 4 คน ดำน้ำสำรวจตัวเรือที่ละชุด ครั้งละประมาณ 40 นาที โดยนักประดาน้ำชุดแรก นายอีวานพร้อมกับเพื่อนคู่หู ดำสำรวจสภาพทั่วไปของเรือ ซึ่งพบว่าเรือจมอยู่ใต้ท้องทะเลลึกประมาณ 20 เมตร สภาพหงายท้อง ท้ายเรือจมอยู่ในโคลนประมาณ 2 เมตร หัวเรือเชิดขึ้นเล็กน้อย พบรถพ่วง 18 ล้อ จำนวน 2 คัน ติดอยู่กับซากเรือ พร้อมกับก้อนขยะอัดแท่งจำนวนมากกระจายอยู่ในระวางเรือ จึงได้ขึ้นมาวางแผน
นักประดาน้ำชุดที่ 2 ได้ลงไปวางตำแหน่งเส้นทางเพื่อจะเข้าไปสำรวจภายในตัวเรือ ก็พบว่ามีตะกอนโคลนและทรายเขาทับถมบางส่วนของชั้นเรือ ทำให้ต้องค่อย ๆ เคลื่อนตัวและวางเท้าตามพื้นเพราะจะทำให้ตะกอนฟุ้งขึ้นมาได้ ทำให้เป็นอุปสรรคในการค้นหา
นักประดาน้ำชุดที่ 3ได้ดำเข้าไปสำรวจในชั้นระวางเรือที่มีรถพ่วง 18 ล้อติดอยู่ในซาก พบว่ากระจกบานหน้าของรถพ่วง 18 ล้อ 1 คัน ถูกทุบแตก และภายในรถพ่วง 18 ล้อ ทั้ง 2 คันไม่มีผู้สูญหายติดอยู่แต่อย่างใด ส่วนรถกระบะ และรถรถพ่วง 18 ล้ออีก 1 คัน ได้หายไปจากเรือ จากนั้นนักประดาน้ำได้เข้าสำรวจภายในห้องโดยสารพบว่ากระแสน้ำมีกำลังแรงและดึงเข้าไปภายในตัวเรือ นักประดาน้ำจึงไม่กล้าเสี่ยงเนื่องจากอันตราย จึงต้องกลับขึ้นมาวางแผนในการค้นหาใหม่
และนักประดาน้ำชุดที่ 4 พบว่ากระแสน้ำใต้ทะเลมีกำลังแรงมากขึ้น และขุ่นมากมองเห็นได้ในระยะ 1 เมตร ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการค้นหา ทำให้นายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี แจ้งยุติการค้นหาในเวลา 14.00น. โดยกำหนดค้นหาอีกครั้งในเช้าวันพรุ่งนี้(6 ส.ค.63)