รีเซต

ทำไมก่อน “ฝนตก” ถึงรู้สึก “ร้อนอบอ้าว”?

ทำไมก่อน “ฝนตก” ถึงรู้สึก “ร้อนอบอ้าว”?
TNN ช่อง16
25 มิถุนายน 2568 ( 09:00 )
8

แม้ว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ “ฤดูฝน” อย่างเป็นทางการแล้ว หลายคนกลับยังรู้สึกว่าอากาศร้อนอบอ้าวไม่แพ้หน้าร้อน โดยเฉพาะช่วงก่อนฝนตกที่มักมีอุณหภูมิสูง ทำให้เรารู้สึกเหนียวตัว เหนอะหนะ และไม่ค่อยสบายตัว สาเหตุสำคัญนั้นไม่ใช่แค่ “ความร้อน” แต่คือ “ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ” ที่พุ่งสูงในช่วงฤดูฝน


โดยปกติแล้ว อุณหภูมิร่างกายมนุษย์อยู่ที่ประมาณ 37°C เมื่อร่างกายร้อนเกินไป ระบบระบายความร้อนจะทำงานโดยการขับเหงื่อ ซึ่งการระเหยของเหงื่อนั้นช่วยดึงความร้อนออกจากร่างกาย ทำให้เรารู้สึกเย็นลง แต่ในวันที่ความชื้นสัมพัทธ์สูง โดยเฉพาะในฤดูฝนที่อากาศมีไอน้ำสะสมอยู่มาก อากาศจะอิ่มตัวจนไม่สามารถรับไอน้ำเพิ่มเติมจากผิวหนังได้ กระบวนการระเหยของเหงื่อจึงทำงานได้ไม่เต็มที่ ร่างกายจึงไม่สามารถระบายความร้อนได้ ส่งผลให้เรารู้สึกอบอ้าว เหนียวตัว แม้อุณหภูมิจะไม่ได้สูงเท่ากับช่วงหน้าร้อนก็ตาม

และด้วยตำแหน่งของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้นใกล้เส้นศูนย์สูตร ทำให้ประเทศไทยมีระดับความชื้นสัมพัทธ์สูงแทบตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ระดับความชื้นในหลายพื้นที่พุ่งทะลุ 80–90% ทำให้ดัชนีความร้อน (Heat Index) หรืออุณหภูมิที่ “รู้สึก” ได้จริง สูงกว่าค่าอุณหภูมิที่วัดได้มาก โดยเฉพาะช่วงก่อนฝนตก ซึ่งมักเกิดการสะสมของความร้อนใต้กลุ่มเมฆและความชื้นในบรรยากาศ ทำให้หลายพื้นที่รู้สึกร้อนอบอ้าว ตัวอย่างเช่น กรุงเทพมหานครช่วงเดือนมิถุนายน–กรกฎาคม ที่อุณหภูมิราว 33–35°C แต่ค่าความชื้นสัมพัทธ์สูง ทำให้ดัชนีความร้อนพุ่งแตะ 43–46°C ได้ง่าย ๆ


ในหลายประเทศเขตร้อนอย่างอินเดีย บังกลาเทศ หรือแม้แต่ญี่ปุ่นตอนใต้ ก็ประสบปัญหาเดียวกันในช่วงฤดูฝนหรือฤดูมรสุม ด้วยความชื้นสูงในอากาศที่ทำให้ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถระบายความร้อนได้ ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพสูงกว่าความร้อนแห้ง ๆ แบบในตะวันออกกลาง อย่างในญี่ปุ่น รัฐบาลต้องออกคำเตือน “ระวังอากาศร้อนชื้น” และแนะนำให้ประชาชนอยู่ในร่ม หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง และดื่มน้ำอย่างเพียงพอ แม้อุณหภูมิจะไม่ถึง 35°C แต่ดัชนีความร้อนมักแตะระดับอันตรายทุกปี

ดังนั้น ฤดูฝนสำหรับประเทศไทยก็มีโอกาสร้อนอบอ้าวไม่แพ้หน้าร้อน ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศที่สูงผิดปกติทำให้กระบวนการระบายความร้อนของร่างกายทำงานลำบาก ส่งผลต่อสุขภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่ทำงานกลางแจ้ง ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าในวันที่รู้สึกอบอ้าว ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหรือทำงานหนักกลางแจ้ง หมั่นดื่มน้ำ และอยู่ในที่มีอากาศถ่ายเทดี เพื่อช่วยให้ร่างกายปรับตัวและลดความเสี่ยงต่อภาวะ “ฮีตสโตรก” ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง