ไบเดนเตือน 'สนามบินคาบูล' เสี่ยงโดนโจมตีอีกครั้งเร็วๆนี้
วอชิงตัน, 29 ส.ค. (ซินหัว) -- เมื่อวันเสาร์ (28 ส.ค.) โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตือนว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเหตุก่อการร้ายที่สนามบินคาบูลอีกครั้ง ในอีก 24-36 ชั่วโมงข้างหน้า
"สถานการณ์ภาคพื้นดินยังคงมีความอันตรายสูง และความเสี่ยงเกิดเหตุก่อการร้ายในสนามบินคาบูลยังคงอยู่ในระดับสูง ผู้บัญชาการของเราแจ้งผมว่าเหตุโจมตีมีแนวโน้มเกิดขึ้นอีกครั้งในอีก 24-36 ชั่วโมงข้างหน้า โดยผมมอบหมายให้พวกเขาใช้ทุกมาตรการเพื่อคุ้มครองกองกำลัง และรับรองว่าพวกเขาจะมีหน่วยงาน ทรัพยากร และแผนเพื่อป้องกันพลเรือนของเราในภาคพื้นดิน" ไบเดนระบุในแถลงการณ์ หลังประชุมกับทีมงานด้านความมั่นคงแห่งชาติ
เมื่อวันพฤหัสบดี (26 ส.ค.) เกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายบริเวณด้านนอกสนามบินคาบูล ส่งผลให้มีทหารสหรัฐฯ 13 นาย และพลเมืองชาวอัฟกานิสถานอีก 170 ราย เสียชีวิต โดยกลุ่มไอซิส-เค (ISIS-K) กลุ่มย่อยของกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอซิส (ISIS) ในอัฟกานิสถาน ออกมาประกาศว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุโจมตีดังกล่าว
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ รายงานว่าเมื่อวันศุกร์ (27 ส.ค.) กองทัพสหรัฐฯ ส่งโดรนโจมตีกลุ่มก่อการร้ายในจังหวัดนันกาฮาร์ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน เพื่อตอบโต้เหตุระเบิดฆ่าตัวตายดังกล่าว โดยสามารถปลิดชีพสมาชิกคนสำคัญได้ 2 ราย และบาดเจ็บอีก 1 ราย
ไบเดนระบุในแถลงการณ์ว่า การตอบโต้ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย สหรัฐฯ จะตามล่าผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุระเบิดดังกล่าวทุกคนและทำให้พวกเขาต้องชดใช้
อนึ่ง ไบเดนกำหนดยุติภารกิจทางทหารของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน ภายในวันที่ 31 ส.ค. โดย จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงฯ กล่าวว่ากองทัพภาคพื้นดินของสหรัฐฯเริ่มถอนตัวออกจากสนามบินคาบูลแล้ว
สหรัฐฯ พยายามอพยพชาวอเมริกันและพันธมิตรชาวอัฟกานิสถานออกจากประเทศ นับตั้งแต่ตาลีบันอัฟกานิสถานเข้าควบคุมกรุงคาบูลเมื่อวันที่ 15 ส.ค. โดยเมื่อวันเสาร์ (28 ส.ค.) ทำเนียบขาวเปิดเผยว่ามีประชาชนราว 111,900 คนอพยพออกจากอัฟกานิสถานแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค.