ต่างชาติเทขายพันธบัตรอินโดนีเซียต่อเนื่อง

นักลงทุนต่างชาติยังคงเทขายพันธบัตรรัฐบาลอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่องในเดือนต.ค. โดยยอดขายสุทธิในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาแตะกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ สะท้อนความกังวลต่อทิศทางนโยบายการคลังของรัฐบาลที่เตรียมเพิ่มการใช้จ่ายและปรับเพดานขาดดุลงบประมาณให้สูงขึ้น
ทั้งนี้เฉพาะในเดือนต.ค. กองทุนต่างชาติขายสุทธิพันธบัตรอินโดนีเซียมูลค่า 1.8 พันล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ยอดเงินไหลเข้าสุทธิของปี 2568 ลดลงเหลือเพียง 305 ล้านดอลลาร์
นักลงทุนกังวลกับแนวทางของปูร์บายา ยูดี ซาเดวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนก.ย. หลังเกิดการประท้วงทั่วประเทศเกี่ยวกับค่าครองชีพ โดยกังวลว่าเขาอาจไม่สามารถรักษาเพดานการขาดดุลงบประมาณที่จำกัดไว้ไม่เกิน 3% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ซึ่งถือเป็นกรอบสำคัญที่รัฐบาลอินโดนีเซียยึดถือมานานหลายทศวรรษ ขณะเดียวกันยังมีความกังวลต่อรายได้จากภาษีและการใช้จ่ายในโครงการของรัฐบาลที่อาจกระทบต่อวินัยการคลัง
อย่างไรก็ตาม แม้เงินทุนต่างชาติไหลออกต่อเนื่อง แต่ในฝั่งนักลงทุนภายในประเทศกลับมีเงินไหลเข้าสู่พันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลทางการระบุว่า ธนาคารท้องถิ่น กองทุนรวม บริษัทประกัน และกองทุนบำเหน็จบำนาญ ต่างเพิ่มการถือครองพันธบัตรในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับเดือนก.ย. โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากสภาพคล่องส่วนเกินที่ได้จากเงินสดที่รัฐบาลนำไปฝากไว้ในธนาคารของรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นอินโดนีเซียยังเป็นอีกด้านหนึ่งที่ดึงดูดเงินทุนได้มากขึ้น โดยในเดือนต.ค. มีเงินลงทุนไหลเข้าตลาดหุ้นสูงสุดในรอบหนึ่งปี หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงทำให้หุ้นในประเทศดูน่าลงทุนมากขึ้น
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ลดลงประมาณ 0.30% ในเดือนต.ค. แตะระดับ 6.08% จากแรงซื้อพันธบัตรของนักลงทุนภายในประเทศ ก่อนปรับตัวขึ้นในช่วงปลายเดือนจากระดับต่ำสุดที่ 5.93% และปิดที่ 6.17% เมื่อวานนี้ (4 พ.ย.)
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
