กรมชลฯ ยืนยัน “เขื่อนภูมิพล - สิริกิติ์” พร้อมรับพายุรากาซา น้ำไม่ท่วมซ้ำรอยปี 54

นายธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนหลักของประเทศว่า ขณะนี้เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์มีปริมาณน้ำอยู่ที่ร้อยละ 80 ของความจุ โดยจากการคาดการณ์พายุ "รากาซา" ที่คาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งที่ประเทศเวียดนามในช่วงวันที่ 26 - 27 กันยายนนี้ พบว่า ทั้งสองเขื่อนยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้อย่างเพียงพอ ไม่มีปัญหาการกักเก็บน้ำ
สำหรับการบริหารจัดการน้ำในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง มีการปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ลงครึ่งหนึ่งของปริมาณปกติ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนและลุ่มน้ำเจ้าพระยา ขณะที่ปริมาณน้ำที่สถานีนครสวรรค์เริ่มทรงตัวตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไปยังแม่น้ำสาขาต่าง ๆ เช่น แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำน้อย ถือว่าอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่
สำหรับการบริหารจัดการน้ำในลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง มีการปรับลดการระบายน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ลงครึ่งหนึ่งของปริมาณปกติ เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อนและลุ่มน้ำเจ้าพระยา ขณะที่ปริมาณน้ำที่สถานีนครสวรรค์เริ่มทรงตัวตั้งแต่วันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาในอัตรา 2,200 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ไปยังแม่น้ำสาขาต่าง ๆ เช่น แม่น้ำท่าจีน แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำน้อย ถือว่าอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมและไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ยังมีบางพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ เช่น คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง และคลองบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์ฝนตกในภาคกลางตอนล่างอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนกันยายนถึงตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงน้ำหลาก และมีปรากฏการณ์น้ำทะเลหนุนสูง อาจส่งผลให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ หากสถานการณ์ฝนตกหนักเกิดขึ้น ทางกรมชลประทานจะปรับลดการระบายน้ำเพื่อให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
นายธเนศร์ยืนยันว่า สถานการณ์น้ำปีนี้แตกต่างจากปี 2554 โดยปริมาณน้ำปีนี้น้อยกว่า และเขื่อนด้านบนยังสามารถกักเก็บน้ำได้ หากเกิดน้ำท่วมพื้นที่ภาคกลาง จะเกิดจากปริมาณฝนตกหนักและน้ำรอการระบายเป็นหลัก
นอกจากนี้ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยายังกล่าวถึงทุ่งบาระกำว่า เป็นทุ่งสำคัญในการกักเก็บและหน่วงน้ำ มีความจุ 400 ล้านลูกบาศก์เมตร โดยในช่วงกรกฎาคม–สิงหาคมที่ผ่านมา ทุ่งบาระกำได้รับน้ำหลากจากจังหวัดสุโขทัย และได้เก็บกักน้ำไว้โดยไม่ระบายลงแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อใช้ในช่วงต้นฤดูแล้งประมาณเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม 2568 เช่นเดียวกับทุ่งรับน้ำด้านล่าง เช่น ทุ่งท่าวุ้ง ทุ่งเจ้า 7 ทุ่งผักไห่ และทุ่งบางบาล ที่พร้อมรับน้ำเพื่อลดผลกระทบต่อเขตเมืองกรณีเกิดฝนตกหนัก
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
