รีเซต

ล่าแม่มด ? "นักศึกษาจีน" เหยื่อ "ทรัมป์" เมื่อการเมืองแทรกแซงการศึกษาสหรัฐฯ

ล่าแม่มด ? "นักศึกษาจีน" เหยื่อ "ทรัมป์" เมื่อการเมืองแทรกแซงการศึกษาสหรัฐฯ
TNN ช่อง16
12 มิถุนายน 2568 ( 08:00 )
18

ผิดที่เป็นคนจีน?


 สงครามการค้า ลุกลามมาถึงการศึกษา 

คนเก่งคนมีความรู้ต้องกลายเป็นเหยื่อการเมือง 

กับท่าทีของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ดูเหมือนว่าพยายามไล่นักศึกษาชาวจีนให้พ้นจากประเทศ

ด้วยนโยบายเพิกถอนวีซ่านักเรียนจีน หากพบเชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน 

โดยเฉพาะกลุ่มที่เรียนในสาขาเทคโนโลยี โดยอ้างว่ากระทบต่อความมั่นคงของประเทศ

และแน่นอนว่าทางการจีน ตอบโต้กลับทันควัน บอกว่าสหรัฐฯทำไม่ถูก

เพราะนี้คือการเลือกปฎิบัติจากเชื้อชาติ หรือพูดง่ายๆ "ผิดที่เป็นคนจีน"

  

นักศึกษาจีนในสหรัฐอเมริกาถูกบีบให้กลายเป็นเหยื่อการเมืองระหว่างประเทศ 

เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2025 รัฐมนตรีต่างประเทศ มาร์โก รูบิโอ (Marco Rubio)

 ประกาศว่ารัฐบาลจะดำเนินมาตรการ "รีวิววีซ่า" อย่างละเอียดกับนักศึกษาจีน 

โดยเฉพาะผู้ที่เรียนในสาขาที่เกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ 

และคณิตศาสตร์ (STEM) ซึ่งอาจนำไปสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง 


กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังระบุด้วยว่า ผู้สมัครวีซ่าอาจถูกสแกนโซเชียลมีเดีย

ย้อนหลังเป็นเวลา 5 ปี และหากพบว่ามีการแสดงความเห็น

ในเชิงสนับสนุนพรรคคอมมิวนิสต์จีน 

หรือมีกิจกรรมทางการเมืองที่ “ไม่เหมาะสม” ก็อาจถูกปฏิเสธวีซ่าทันที


ส่วนเกณฑ์การพิจารณาวีซ่าหลังจากนี้ก็จะมีการปรับปรุงใหม่

เพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองตรวจสอบผู้ขอวีซ่าในอนาคต

ทั้งจากประเทศจีนและฮ่องกง


ขณะที่ท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในเรื่องนี้ก็ไม่ชัดเจนว่าจะปกป้องนักศึกษาต่างชาติ 100 %

ล่าสุด 31 พฤษาคม ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ตอบคำถาม 

เมื่อถูกถามถึงข้อความที่จะส่งถึงนักศึกษาที่ต้องการอยู่ในประเทศ 

ทรัมป์กล่าวว่า “พวกเขาจะไม่เป็นไร ทุกอย่างจะเรียบร้อยดี 

เราเพียงแค่ต้องการตรวจสอบนักศึกษาแต่ละคนในสถานศึกษาทุกแห่ง”


และแน่นอนว่าหลังจากที่มีประกาศกร้าวเรื่องนี้วีซ่านักเรียนจีนออกไป

ก็เกิดความแตกตื่นในหมู่นักศึกษา ทั้งคนที่เรียนอยู่แล้วในปัจจุบัน

ไปจนถึงคนที่วางแผนจะศึกษาต่อในอนาคตด้วย 


สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า ประเด็นเรื่องวีซ่าได้สร้างความกังวลใจอย่างหนัก กับนักศึกษาชาวจีนในขณะนี้ 

หลายรอลุ้นว่าวีซ่าจะผ่านหรือไม่อย่างไร้ความหวัง  

บางคนเลือกจะดร็อปการเรียนเอาไว้ก่อนจนกว่าทุกอย่างจะแน่นอน 

และบางคนก็พิจารณาทางเลือกเรียนต่อในประเทศอื่นทดแทน เช่น ในยุโรป 


ทั้งนี้กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯระบุว่า จะไม่ยอมให้รัฐบาลจีนเข้ามา "แสวงหาผลประโยชน์" 

จากมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ หรือการขโมยผลงานวิจัยและทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ  

ขณะที่ทางการยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะมีนักศึกษาจีน

ได้รับผลกระทบจากการเพิกถอนวีซ่าครั้งนี้มากน้อยแค่ไหน

การปราบปรามวีซ่านักเรียนจีนครั้งนี้ เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวของรัฐบาลทรัมป์

ที่พุ่งเป้าไปยังชุมชนนักศึกษาต่างชาติ โดยเฉพาะพลเมืองจีน 

ซึ่งคิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 ของนักเรียนต่างชาติทั้งหมดในสหรัฐฯ 

หรือมีจำนวนมากกว่า 277,000 คน  และหากมีการเพิกถอนวีซ่า

ก็จะส่งผลกระทบต่อแหล่งรายได้หลักของมหาวิทยาลัย 

และส่งผลกระทบต่อการพัฒนาคนไปสู่การทำงานในบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ อีกด้วย

เพราะกลุ่มของนักศึกษาชาวจีนคิดเป็นสัดส่วนมากถึง 16% ของนักศึกษาระดับบัณฑิตศึกษา

ในสาขาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) ในสหรัฐอเมริกา



จีน ชี้ สหรัฐกำลัง "ล่าแม่มด" ?

 

บทบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ Global Times ของรัฐบาลจีน

กล่าวว่ามาตรการวีซ่าใหม่นี้ เหมือนกับ "การล่าแม่มดเพื่อการศึกษา"

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การปราบปรามนักศึกษาจีนได้กลายเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ของสหรัฐฯ 

ในการควบคุมจีนมากขึ้นเรื่อยๆ 

ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นร้ายแรงยิ่งกว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นทันทีต่อสหรัฐฯ 

คือ ความน่าดึงดูดใจของมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ จะลดลงในระยะยาว 

และอาจทำให้มีการสูญเสียบุคลากรที่มีความสามารถตามมา

เพราะนักศึกษาต่างชาติในสหรัฐมากถึง 54% มาจากอินเดียและจีน 

และมีส่วนสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐฯ มากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2023 

ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ


นักเรียน นักศึกษา คนมีความรู้ความสามารถ

ต้องกลายเป็นเหยื่อทางการเมืองของทรัมป์หรือไม่? 

ล่าสุดมหาวิทยาลัยดังฮาร์วาร์ดซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันที่ออกมา

ฟาดฟันกับประธานาธิบดีทรัมป์ จนถูกริบเงินทุน และถูกสั่งห้ามรับนักศึกษาต่างชาติ

ได้สร้างความฮือฮาด้วยการให้นักศึกษาจีนกล่าวสุนทรพจน์ 


“เจียง ยู่หรง” บัณฑิตชาวจีนจากแผ่นดินใหญ่คนแรกในประวัติศาสตร์ 

ที่ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีจบของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด

ในจังหวะเวลาที่ประธานาธิบดีทรัมป์กำลังกดดัน-กีดกัน และพุ่งเป้าไปที่นักศึกษาชาวจีน

หนึ่งในข้อความสำคัญที่เธอกล่าวไปยังทุกคนในครั้งนี้  คือ 

“เราไม่ได้สูงส่งเพราะการทำให้คนอื่นผิด แต่เราทะยานขึ้นด้วยการไม่ทิ้งอีกคนไว้ข้างหลัง”

"สิ่งที่ฉันได้จากฮาร์วาร์ดมากที่สุด ไม่ใช่สูตรแคลคูลัส หรือการวิเคราะห์การถดถอย 

แต่คือการนั่ง รับฟัง และอ่อนโยนในห้วงเวลาที่ยากลำบาก ถ้าเรายังเชื่อในอนาคตที่มีร่วมกัน 

จงอย่าลืมว่า คนที่เราตีตราเป็นศัตรู พวกเขาก็เป็นมนุษย์เหมือนเรา  

การมองเห็นมนุษยชาติ เราก็มองเห็นตัวเองเช่นกัน" 


คำพูดของ“เจียง ยู่หรง” กลายเป็นไวรัลทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศจีน 

คนอเมริกันฝ่ายอนุรักษ์นิยมบางคนมองว่า เธอมีความเชื่อมโยงกับพรรคคอมมิวนิสต์ 

บางคนมองว่า เพราะเธอได้แรงหนุนจากชนชั้นผู้นำ ทำไห้ได้ไปเรียนในสหราชอาณาจักร ก่อนมาศึกษาต่อที่ฮาร์วาร์ด 

แต่ในจีน ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ค้นข้อมูลพบว่า พ่อของเจียง ยู่หรง 

ทำให้งานบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนโดยบริษัทอเมริกัน 

และทำให้เธอได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศ  



"มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด" สู้กับ "รัฐบาลทรัมป์" สุดกำลัง

  

ก่อนหน้านี้รัฐบาลทรัมป์ขู่สั่งห้ามฮาร์วาร์ดรับนักศึกษาต่างชาติ และระงับเงินสนับสนุนมหาศาล 

มากกว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ เหตุไม่ทำตามคำสั่งจากรัฐบาล ขณะที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมองว่านี่คือการแทรงแซงทางการศึกษา และฟ้องกลับรัฐบาลทรัมป์  มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด มีนักศึกษาต่างชาติในปีการศึกษานี้ 6,800 คน คิดเป็น 27% ของนักศึกษาทั้งหมด  และในจำนวนนักศึกษาต่างชาตินั้น กว่า 1 ใน 3 เป็นชาวจีน 


เจียง ยู่หรง ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว AP ในภายหลังว่า รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ 

และมองว่า ถึงเวลาแล้วที่ฮาร์วาร์ด จะมุ่งเน้นให้เห็นถึงความสำคัญของนักศึกษาต่างชาติ 

ในช่วงเวลาที่การเมืองตึงเครียดเช่นนี้ สิ่งที่เธออยากสื่อ ถ้าให้สรุปในประโยคเดียว คือ มนุษยชาติขึ้นสูงและลงต่ำพร้อมกัน 

เราอยู่ในห้วงเวลาที่ยากลำบาก เกิดความแตกแยกทางความคิด เชื้อชาติ และอัตลักษณ์ 

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องใช้จินตนาการ จินตนาการตัวเราเชื่อมโยงกับคนอื่น


หน้าไหว้หลังหลอก นี่คือสิ่งที่ทางการจีนพูดถึงสหรัฐฯ 

หลังจากรัฐบาลทรัมป์ประกาศเรื่องการเพิกถอนวีซ่านักเรียน 

ย้ำว่าสหรัฐฯกำลังเลือกปฎิบัติ และจะกระทบกับความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างแน่นอน 


กระทรวงการต่างประเทศจีนออกโรงวิจารณ์อย่างรุนแรงต่อมาตรการของรัฐบาลสหรัฐฯ 

ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เตรียมเพิกถอนวีซ่านักศึกษาจีนที่กำลังศึกษาในสหรัฐฯ

เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีน แถลงต่อสื่อมวลชนว่า

สหรัฐฯ ใช้เหตุผลด้านอุดมการณ์และความมั่นคงของชาติเป็นข้ออ้างในการตัดสินใจครั้งนี้ 

ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศอย่างเลี่ยงไม่ได้


เหมา หนิง ระบุว่า การกระทำที่แฝงไปด้วยเจตนาทางการเมืองและการเลือกปฏิบัติของสหรัฐฯ

 แสดงให้เห็นความหน้าไหว้หลังหลอก เพราะในขณะที่สหรัฐฯ อวดอ้างถึงเสรีภาพและความเปิดกว้าง

 แต่กลับทำในสิ่งที่ย้อนแย้งกัน ซึ่งจะทำลายภาพลักษณ์และชื่อเสียงของประเทศเสียเอง


ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง