รีเซต

JMTโค้งท้ายทะยานอีก รุกกวาดNPLต่อเนื่อง

JMTโค้งท้ายทะยานอีก รุกกวาดNPLต่อเนื่อง
ทันหุ้น
17 สิงหาคม 2566 ( 07:26 )
111

JMT ชูพอร์ตหนี้สูง 4.6 แสนล้านบาท หนุนรายได้ – กำไรเติบโตมั่นคง ชี้เอ็นพีแอลในสถาบันการเงินจะออกประมูลอีกมาก พร้อมร่วมกวาดหนี้ที่เหมาะสมเติมพอร์ต ด้านนักวิเคราะห์คาดโค้งสามกำไรโตต่อราว 30% หนุนทั้งปีกำไร 2566 กว่า 2.2 พันล้านบาท แนะ “ซื้อ” เป้า 46 บาท

 

นายสุทธิรักษ์  ตรัยชิรอาภรณ์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT กล่าวคาดการณ์ผลการดำเนินงานงวดครึ่งหลังของปี 2566 (2H/66) มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องจากช่วงครึ่งแรกของปี (1H/66) หนุนจากพอร์ตหนี้มูลค่าทรัพย์กว่า 6 หมื่นล้านบาท ที่ทยอยซื้อเข้ามา ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2566 บริษัทมีพอร์ตบริหารหนี้ (รวม JV) อยู่ที่ประมาณ 4.6 แสนล้านบาท จึงมั่นใจว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2566 จะเติบโตได้ราว 30% เมื่อเทียบกับปี 2565 (YoY) ที่มีกำไร  1,746 ล้านบาท ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

 

ทั้งนี้ยังคงคาดการณ์ปริมาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในระบบสถาบันการเงิน มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นต่อเนื่อง หลังสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของสถาบันการเงิน  ซึ่งสถาบันการเงินจะทยอยนำออกประมูลอย่างต่อเนื่องถึงปี 2567 จึงยังคงเป็นโอกาสให้บริษัทเข้าร่วมประมูลหนี้ทั้งหนี้ที่มีหลักประกัน และไม่มีหลักประกันเข้ามาบริหาร เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงของบริษัท

 

“มูลหนี้ NPL ที่มีอยู่ในระบบ ณ ปัจจุบันยังคงมีอยู่ในปริมาณมาก สถาบันการเงินจึงมีแนวโน้มที่จะทยอยนำ NPL เหล่านั้นออกมาประมูลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ยังเป็นโอกาสของบริษัทที่จะร่วมประมูลหนี้เข้ามาบริหารเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยช่วงครึ่งแรกของปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถเติมพอร์ตหนี้ในการบริหารได้ในระดับ 1  สามารถรองรับการเติบโตของบริษัทอย่างมั่นคงในอนาคต ดังนั้นจึงจะพิจารณาเลือกประมูลมูลหนี้ที่เหมาะสมเข้ามาเติม”

 

พร้อมกันนี้ บริษัทยังคงติดตามแนวทางการดำเนินนโยบายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาทิ แนวทางการกำหนดอัตราดอกเบี้ยตามความเสี่ยงของลูกหนี้ (Risk-Based Pricing : RBP) อย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการปรับโมเดลปรับโครงการสร้างหนี้แบบยืดหยุ่นเหมาะสมกับลูกค้าแต่ละบุคคล

 

“บริษัทดำเนินงานอย่างใกล้ชิดกับ ธปท. มาตลอด โดยหาก ธปท.มีมาตรการใหม่ที่น่าสนใจ และสอดคล้องกับโมเดลการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัทก็จะนำมาปรับใช้ เพื่ออำนวยความสะดวก และเพิ่มความสามารถในการผ่อนชำระให้กับลูกหนี้แต่ละรายให้มากขึ้น”

 

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผล จากผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2566 ในอัตรา 0.34 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้สิทธิรับเงินปันผล (XD) วันที่ 24 สิงหาคม 2566  และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 8 กันยายน 2566

 

แนะ “ซื้อ” เป้า 46 บาท

 

บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด  (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์คาดการณ์กำไรสุทธิงวดไตรมาส 3/2566 ที่ราว 592 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับงวดไตรมาส 2/2566 (QoQ) และเพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) หนุนจากการความสามารถในการเก็บหนี้ที่เพิ่มขึ้น จากหนี้ที่ได้ซื้อมาช่วงครึ่งแรกของปี 2566 (1H/66) เบื้องต้นคาดการณ์กำไรสุทธิทั้งปี 2566 ที่ 2,260 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.44% YoY  โดยประมาณการส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC ที่ 563 ล้านบาท เพิ่มขึ้น105% YoY และประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 2,740 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสมที่ 46 บาท

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง