พาณิชย์ เตือนคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หากฉวยโอกาสขึ้นราคา-กักตุนสินค้าช่วงโควิด
วันนี้( 10 ก.ค.64) นายอาวุธ วงศ์สวัสดิ์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า จากที่รัฐบาลได้ยกระดับมาตรการป้องกันควบคุมโรคโควิด-19 โดยขอให้ประชาชนลดการเดินทางและให้ทำงานที่บ้าน (WFH) ให้มากที่สุด ดังนั้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าภายใน ออกตรวจสอบและติดตามสถานการณ์ปริมาณและราคาสินค้าอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ หน้ากากอนามัย หน้ากากทางเลือก เจลแอลกอฮอล์ และสินค้าเวชภัณฑ์ต่างๆ ให้มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนและป้องปรามไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยโอกาส และต้องปิดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน รวมทั้งการตรวจสอบเครื่องชั่งน้ำหนักสินค้าให้มีความเที่ยงตรง โดยส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบในห้างค้าปลีก-ค้าส่ง ตลาดสด และร้านค้าทั่วไปทั้งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้จากการตรวจสอบพบว่าขณะนี้สินค้ายังคงมีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ซึ่งผู้ผลิตสินค้ายืนยันว่าสามารถขนส่งสินค้าให้กับผู้จำหน่ายได้ปกติ แม้ในช่วงนี้อาจจะมีประชาชนซื้อสินค้าในแต่ละครั้งมีปริมาณเพิ่มขึ้นบ้าง โดยรวมแล้วไม่ได้มีผลกระทบ จึงขอให้ประชาชนไม่จำเป็นต้องกักตุนสินค้า สำหรับในส่วนของต่างจังหวัดได้มอบหมายให้ สำนักงานพาณิชย์จังหวัดติดตามเพื่อกำกับดูแลมิให้มีการเอารัดเอาเปรียบประชาชน นอกจากนี้ เพื่อช่วย ลดค่าครองชีพประชาชน และลดความเสี่ยงจากการเดินทางไปจับจ่ายใช้สอยให้แก่ประชาชน กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ยังได้มีรถโมบายพาณิชย์ ลดราคา ช่วยประชาชน ออกจำหน่ายสินค้าอุปโภค บริโภคราคาพิเศษบริการประชาชนถึงชุมชนกว่า 1,000 คัน ทั่วประเทศ
อย่างไรก็ดีขอเน้นย้ำให้ผู้ประกอบการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน และห้ามฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าโดยเด็ดขาด หากตรวจพบจะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีที่มีการฉวยโอกาสจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควร กักตุนสินค้าหรือปฏิเสธการจำหน่าย ต้องโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ