รีเซต

PTC นับหนึ่งไฟลิ่ง เตรียมเสนอขาย IPO 110 ล้านหุ้น เข้าเทรด mai

PTC นับหนึ่งไฟลิ่ง เตรียมเสนอขาย IPO 110 ล้านหุ้น เข้าเทรด mai
มติชน
22 ธันวาคม 2564 ( 17:09 )
105
PTC นับหนึ่งไฟลิ่ง เตรียมเสนอขาย IPO 110 ล้านหุ้น เข้าเทรด mai

ข่าววันนี้ นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PTC กล่าวว่า หลังจาก PTC ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) เพื่อขอเสนอหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้เริ่มนับหนึ่งแบบไฟลิ่งแล้ว

 

สำหรับ บมจ.พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น มีทุนจดทะเบียน 205 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 150 ล้านบาท คิดเป็นหุ้นสามัญจำนวน 300 ล้านหุ้น และจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวนไม่เกิน 110 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 26.83 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัท โดยภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ mai ไปใช้ในการชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ

 

นายวีรวัฒน์ บูรพพัฒนพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีเมียร์ แทงค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯประกอบธุรกิจขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิงทางบกและสถานีบริการน้ำมัน มากว่า 20 ปี ทำให้ทีมผู้บริหารเล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจในการพัฒนาระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของอุตสาหกรรมพลังงานให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้บริการรับ เก็บ และจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้แก่สถานีบริการน้ำมันภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท ผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่สุดของประเทศ โดยบริษัทฯ เป็นผู้ให้บริการที่มีบทบาทสำคัญในการกระจายน้ำมันเชื้อเพลิงให้กับสถานีบริการน้ำมันครอบคลุมทั่วทั้งภาคอีสาน มีบริการรับ เก็บ และจ่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปประเภทเบนซินและดีเซล ให้บริการที่คลังน้ำมัน จ.ขอนแก่น (“คลังขอนแก่น”) และคลังน้ำมัน จ.ศรีสะเกษ (“คลังศรีสะเกษ”) และบริการผสมน้ำมันเชื้อเพลิงพื้นฐานตามสูตรเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงสำเร็จรูปตามที่ลูกค้าต้องการ ให้บริการที่คลังศรีสะเกษ

 

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTC กล่าวว่า บริษัทฯ มีวิสัยทัศน์เป็นห่วงโซ่คุณค่า ที่มั่นคงแข็งแกร่งในระบบพลังงานของประเทศ บนหลักการบริหารแบบยั่งยืนและใส่ใจ เพื่อเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เป็นหนึ่งในใจลูกค้า ผ่านการเชื่อมโยงการส่งมอบพลังงานสู่ภูมิภาค ด้วยบริการที่ตอบโจทย์ของลูกค้าอย่างปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และมีคุณภาพสูง โดยมีเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจที่ชัดเจน คือ 1.การเพิ่มประสิทธิภาพในการรับ-จ่ายน้ำมัน โดยรองรับวิธีการขนส่งน้ำมันที่หลากหลาย และเพิ่มจำนวนสถานีบริการที่มารับน้ำมันจากคลังของบริษัทฯ 2.มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการส่งมอบพลังงานเพื่อให้ทุกพื้นที่ มีโอกาสเข้าถึงพลังงานอย่างเท่าเทียมกัน และ 3.สร้างธุรกิจใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิสัยทัศน์ และพันธกิจ เพื่อเป็นการกระจายฐานรายได้ และลดความเสี่ยงจากการพึ่งพิงธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง

 

สำหรับผลการดำเนินงานในช่วงปี 2561-2563 บริษัทฯ มีรายได้จากการให้เช่าและบริการรับ เก็บ และจ่ายน้ำมันในปี 2561 จากคลังน้ำมัน ขอนแก่นเพียงแห่งเดียว จำนวน 161.97 ล้านบาท และต่อมาในปี 2562 มีรายได้ 176.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.19% และปี 2563 มีรายได้ 253.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.29% โดยช่วงปี 2562-2563 รายได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากการเปิดคลังศรีสะเกษในเดือนกรกฎาคม 2562 ขณะที่กำไรสุทธิในปี 2561-2563 ทำได้ 75.42 ล้านบาท, 55.43 ล้านบาท และ 111.06 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 45.68%, 31.28%, 43.76% ตามลำดับ โดยในปี 2563 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 100.37% เนื่องจากคลังน้ำมันศรีสะเกษเปิดให้บริการเต็มปี ประกอบกับต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการชำระหนี้เงินกู้ระยะยาวต่อเนื่อง

 

ส่วนงวด 9 เดือนแรก ปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้ 166.29 ล้านบาท ลดลง 11.13% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงตามยอดจำหน่ายน้ำมันในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 มีโรงงานบางส่วนหยุดการผลิต ทำให้การเดินทางโดยรถยนต์ลดลง ทำให้กำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 72.23 ล้านบาทลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 8.98% แต่อัตรากำไรสุทธิในงวด 9 เดือนแรกปี 2564 กลับปรับตัวดีขึ้นเป็น 43.33% เพิ่มขึ้น 0.98% จากงวด 9 เดือนของปี 2563 ซึ่งกำไรสุทธิชะลอตัวเนื่องจากรายได้จากการให้เช่าและบริการลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการบริหารและต้นทุนทางการเงินที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงทำให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นจากงวด 9 เดือนแรกของปีก่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง