TPIPL กดต้นทุนปั๊มอีบิทดา ผลิตภัณฑ์ EVA เพิ่มมูลค่า
TPIPL ส่งซิกไตรมาส 3/2565 ผลงานเด่น ชูค่าสเปรดผลิตภัณฑ์ EVA ไต่ระดับสูงขึ้นต่อเนื่อง พร้อมเร่งขยายกำลังการผลิตอีก 6 พันตัน รองรับดีมานด์ทั้งในและต่างประเทศที่ขยายตัว ด้านปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ยังสามารถเติบโตได้กว่า 20% สวนทางอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันยังเดินหน้าทำ Cost Saving ปั๊ม EBITDA
นายประเสริฐ อิทธิเมฆินทร์ รองผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL เปิดเผยแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2565 คาดว่าจะเติบโตดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน และเชื่อว่าจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2565 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 12,476 ล้านบาท และมีกำไรสำหรับงวดอยู่ที่ 2,680 ล้านบาท ปัจจัยหลักๆ เป็นผลมาจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ “สเปรด” (Spread) ยังคงทรงตัวได้ในระดับสูงต่อเนื่อง โดยเฉพาะสเปรดของกลุ่มผลิตภัณฑ์ EVA ซึ่งบริษัทเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของประเทศ
*ดีมานด์EVAพุ่ง
มองว่าความต้องการใช้งาน EVA ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ยังคงขยายตัวสูงขึ้นทุกปี ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแผงโซลาร์เซลล์ใช้ EVA ในการผลิตค่อนข้างมาก จากการที่ภาครัฐจีนออกนโยบายสนับสนุนการใช้พลังงานทางเลือก ทำให้คาดว่าจะมีกำลังการผลิตจากการติดตั้งให้เกิดขึ้นเฉลี่ยปีละกว่า 100 กิกะวัตต์ คิดเป็นปริมาณการใช้ EVA ที่มากกว่า 500,000 ตันต่อปี ด้วยกำลังการผลิตในจีนที่ไม่เพียงพอทำให้มีการนำเข้า EVA จากต่างประเทศจำนวนมาก ซึ่งบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการ เม็ดพลาสติกแบบ EVA ชนิดพิเศษ (Specialty Grade) รายใหญ่ในไทยที่ส่งออกไปยังตลาดจีน
โดยประเทศไทยติดอันดับ 3 ของผู้ส่งออก EVA ไปยังตลาดจีน รองมาจากไต้หวันและญี่ปุ่น ด้วยดีมานด์ EVA ที่เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ราคาจำหน่ายนับตั้งแต่ปลายไตรมาส 2/2565 มาจนถึงปัจจุบันยังคงไต่ขึ้นในระดับที่สูงกว่ามากเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน ขณะเดียวกันด้วยผลิตภัณฑ์ EVA เป็นส่วนหนึ่งในการทำผลิตภัณฑ์กาวหลอมร้อน (Hot Melt) ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ด้วยการเติบโตของการอุปโภค-บริโภค ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการส่งออกสินค้าที่โตตามตลาดอีคอมเมิร์ซ สะท้อนต่อการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ปี
ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้มีการขยายกำลังการผลิตในส่วนของ EVA Powder อีกกว่า 6,000 ตัน เพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวจากกำลังการผลิตเดิมที่มี เพื่อรองรับดีมานด์การใช้ EVA ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ในไตรมาส 3/2565 จะเริ่มผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกแบบ EVA ชนิดพิเศษ หรือ ZV1022 ที่มีราคาขายที่สูงกว่าผลิตภัณฑ์เดิมที่บริษัทมีกว่า 10% รวมถึงมีค่าสเปรดที่สูงกว่ามากเมื่อเทียบกับ EVA ทั่วไป โดย กำไรก่อนจะหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย, ภาษี, ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จาก EVA คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 40-60 ล้านบาทต่อปี ขณะที่ ZV1022 คาดจะสร้าง EBITDA ให้บริษัทได้เพิ่มอีก 15-20 ล้านบาทต่อปี
ลดต้นทุนปั๊มอีบิดา
ขณะที่ธุรกิจปูนซีเมนต์ในปี 2565 มองว่ายังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดี แม้ว่าภาพรวมอุตสาหกรรมก่อสร้างในไทยจะยังคงชะลอตัว แต่ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ของบริษัทยังสามารถเติบโตได้กว่า 20% สวนทางอุตสาหกรรม มองว่าจากการเปิดประเทศในช่วงที่ผ่านมาจะสร้างบรรยากาศให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างกลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2565 นี้ได้ คาดว่าปี 2565 ปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์รวมทุกประเภทจะอยู่ที่มากกว่า 12-13 ล้านตัน สำหรับราคาจำหน่ายบริษัทมีแผนจะทยอยปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์อีกราว 200-300 บาทต่อตัน เพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น
ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าแผนปรับลดการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตปูนซีเมนต์ และนำเชื้อเพลิงขยะ (RDF) มาเป็นพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2565 ตั้งเป้าจะใช้ RDF เป็นเชื้อเพลิงทดแทนประมาณ 25% หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 5 แสนตัน ใน 2 ล้านตัน หรือคาดว่าจะมี Cost Saving ได้ถึง 1,300-1,500 หรือแตะ 2,000 ล้านบาทต่อปี โดยต่อตันมี Cost Saving อยู่ที่ประมาณ 2,000-4,000 บาท ขึ้นอยู่กับราคาถ่านหินในเวลานั้นๆ ทั้งนี้ ตั้งเป้าเพิ่มขึ้นในสัดส่วนสูงสุด 40% เพื่อลดต้นทุนการดำเนินงานให้ได้ 2-2.8 พันล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดว่า EBITDA ทั้งปี 2565 จะยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้แตะระดับ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2564 ประมาณ 15-20%