รู้จัก “HBTSS” ระบบดาวเทียมติดตามขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง ดวงตาบนอวกาศของกองทัพสหรัฐอเมริกา

บริษัท นอร์ทรอป กรัมแมน (Northrop Grumman) สหรัฐอเมริกา กำลังเดินหน้าโครงการที่ถูกมองว่าอาจปฏิวัติการป้องกันขีปนาวุธยุคใหม่ โดยเฉพาะการรับมือกับภัยคุกคามจากขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง (Hypersonic Threats) ซึ่งกำลังเป็นประเด็นท้าทายด้านความมั่นคงระดับโลก
ปัจจัยสำคัญของโครงการนี้ คือ การพัฒนา Hypersonic and Ballistic Tracking Space Sensor หรือ HBTSS ที่จะทำงานเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายดาวเทียม Overhead Persistent Infrared (OPIR) แบบหลายชั้น
ระบบ HBTSS อุดช่องว่างสุดท้ายในการป้องกันขีปนาวุธ
ระบบ HBTSS ถูกออกแบบมาเพื่อให้การ ติดตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง และส่งมอบข้อมูลที่มีความแม่นยำสูงไปยังระบบควบคุมการยิง ทำให้สามารถสกัดกั้นขีปนาวุธของศัตรูได้อย่างทันท่วงที ไม่ว่าขีปนาวุธเหล่านั้นจะถูกยิงจากบก ทะเล หรือทางอากาศ
จุดเด่นสำคัญ คือ การอุดช่องว่างสุดท้ายในการป้องกัน เพราะระบบป้องกันภาคพื้นดินเพียงอย่างเดียวอาจไม่สามารถตรวจจับภัยคุกคามขั้นสูงได้ทันเวลา เนื่องจากขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงเดินทางด้วยความเร็วสูง และระบบป้องกันขีปนาวุธแบบเดิมไม่สามารถหยุดยั้งมันได้
ความสามารถหลักของระบบ HBTSS
ระบบ HBTSS มีความสามารถหลักในการติดตามเป้าหมายอย่างต่อเนื่องแบบเรียลไทม์ และส่งข้อมูลไปยังระบบควบคุมการยิงเพื่อการตอบสนองทันที ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั่วโลกเมื่อทำงานร่วมกับดาวเทียม OPIR พร้อมให้โซลูชันควบคุมการยิงขีปนาวุธสกัดกั้นที่แม่นยำโดยเฉพาะต่อขีปนาวุธร่อนความเร็วเหนือเสียง
โดยใช้เซนเซอร์ออปติคอลหลายความยาวคลื่นที่มีความไวสูง ตรวจจับเป้าหมายที่พรางตัวได้ ข้อมูลที่ได้มีคุณภาพระดับอาวุธ ใช้งานได้ตรงกับระบบสกัดกั้น มีความไวสูง ความหน่วงต่ำ และออกแบบให้เป็นโซลูชันที่คุ้มค่าในการใช้งานด้านความมั่นคง
ระบบดาวเทียมจะเริ่มตรวจจับขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงหลังจากที่มันถูกยิงขึ้นสู่ท้องฟ้า และส่งข้อมูลตำแหน่งและความเร็วไปยังระบบป้องกันต่าง ๆ โดยระบบจะทำงานเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ทั้งระบบดาวเทียม GPS รวมไปถึง ระบบป้องกันขีปนาวุธชั้นสูง (THAAD) บนพื้นดิน และระบบอาวุธ AEGIS (AWS) บนผิวน้ำ
ระบบการป้องกันขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง
ระบบ HBTSS องค์ประกอบหลักของระบบ OPIR แบบหลายชั้น ซึ่งเป็นการรวมกันของดาวเทียมรุ่นใหม่ (Next Gen OPIR) เพื่อสร้างเครือข่ายตรวจจับและติดตามภัยคุกคามจากอวกาศ ครอบคลุมตั้งแต่การตรวจจับสัญญาณความร้อน การติดตามการทดสอบ ไปจนถึงการส่งข้อมูลให้ระบบป้องกันขีปนาวุธแบบ End-to-End
ระบบดาวเทียมรุ่นใหม่ (Next Gen OPIR) คืออะไร ?
ดาวเทียมรุ่นใหม่นี้ใช้ดาวเทียมตรวจจับและเตือนภัยขีปนาวุธ ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นมาแทนระบบ SBIRS (Space-Based Infrared System) ที่ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2000 จุดประสงค์หลักคือการเพิ่มขีดความสามารถในการ ตรวจจับการยิงขีปนาวุธ ทั้งข้ามทวีปและขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่มีการเคลื่อนที่ซับซ้อนและตรวจจับยาก
ระบบดาวเทียม Next Gen OPIR มีคุณสมบัติเด่น คือ การใช้เซนเซอร์อินฟราเรดช่วยตรวจจับสัญญาณความร้อนจากการปล่อยจรวดได้เร็วและแม่นยำ ออกแบบให้ทนต่อการโจมตีทางไซเบอร์และสงครามอวกาศ รวมถึงเลเซอร์และคลื่นรบกวน
โดยใช้โครงสร้างหลายชั้นทำงานร่วมกับดาวเทียม HBTSS และระบบ OPIR อื่น ๆ เพื่อให้ครอบคลุมต่อเนื่อง และสามารถติดตามเป้าหมายที่ซับซ้อนอย่างขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่บินเลี่ยงการตรวจจับได้
ความคืบหน้าของโครงการ HBTSS
ความคืบหน้าโครงการ HBTSS เริ่มจากปี พ.ศ. 2564 บริษัท Northrop Grumman ผ่านเงื่อนไขการทบทวนการออกแบบสำคัญต่อสำนักงานป้องกันขีปนาวุธ (MDA) และได้รับสัญญามูลค่า 153 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 5.05 พันล้านบาท โดยมีกำหนดส่งมอบต้นแบบในปี พ.ศ. 2566 โดยใช้เวลาเพียง 27 เดือน นับจากการได้รับสัญญา
หลังจากนั้นจะมีการทดสอบในวงโคจรเพื่อพิสูจน์ความสามารถจริงในการติดตามภัยคุกคามความเร็วเหนือเสียงและการส่งข้อมูลให้ระบบสกัดกั้น อย่างไรก็ตาม รายละเอียดการทดสอบระบบไม่ถูกเปิดเผยออกมากนัก เนื่องจากเป็นความลับด้านระบบป้องกันทางการทหาร และเป็นเทคโนโลยีขั้นสูงของสหรัฐอเมริกา
อาจกล่าวได้ว่า การพัฒนา HBTSS ถือเป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันขีปนาวุธของสหรัฐฯ ให้พร้อมรับมือภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะจากเทคโนโลยีขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่กำลังถูกเร่งพัฒนาโดยประเทศมหาอำนาจหลายชาติ
หากโครงการประสบความสำเร็จ ดาวเทียม HBTSS จะกลายเป็นดวงตาบนท้องฟ้าที่ช่วยให้กองทัพสหรัฐฯ ตรวจจับ ติดตาม และสกัดกั้นอาวุธทันสมัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก่อนที่จะสร้างความเสียหายต่อเป้าหมายบนผิวน้ำ เช่น เรือบรรทุกเครื่องบินขนาดใหญ่ สนามบินบนเกาะต่าง ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นต้น
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
