รีเซต

เผยเมียนมากว่า 8 พันคนจ่อหนีเข้าไทย ยูเอ็นเตือนรัฐประหารทำคนครึ่งประเทศ"ยากจน"

เผยเมียนมากว่า 8 พันคนจ่อหนีเข้าไทย ยูเอ็นเตือนรัฐประหารทำคนครึ่งประเทศ"ยากจน"
มติชน
30 เมษายน 2564 ( 18:00 )
81
เผยเมียนมากว่า 8 พันคนจ่อหนีเข้าไทย ยูเอ็นเตือนรัฐประหารทำคนครึ่งประเทศ"ยากจน"

 

รอยเตอร์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 เมษายนนี้ เครือข่ายสนับสนุนสันติภาพกะเหรี่ยง (เคพีเอสเอ็น) ซึ่งทำงานช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยงพลัดถิ่นจากการสู้รบในดินแดนเมียนมา เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กขององค์กรว่า ในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า ชาวบ้านชนกลุ่มน้อยกะเหรี่ยงมากกว่า 8,000 คน ซึ่งพักพิงอยู่ตามค่ายพักพิงชั่วคราวตามแนวลำน้ำสาละวิน อาจจำเป็นต้องหลบหนีข้ามฝั่งมายังไทยหากการปะทะกันระหว่างกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง (เคเอ็นยู) กับทหารเมียนมา ลุกลามขยายวงมากขึ้น

 

“เราหวังว่า กองทัพไทยจะให้ความช่วยเหลือคนเหล่านี้ที่หลบหนีจากอันตรายในการสู้รบ” เคพีเอสเอ็นระบุ
ทั้งนี้ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดการสู้รบอย่างหนักตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ส่งผลกระทบต่อราษฎรทั้งสองฝั่งแม่น้ำสาละวิน ต้องหลบหนีออกจากพื้นที่อันตราย โดยมีชาวกะเหรี่ยงเมียนมาอย่างน้อย 200 คนข้ามฝั่งมาพักพิงอยู่ในไทยแล้ว ในขณะที่ที่ฝั่งไทยก็ต้องโยกย้ายชาวบ้านตามหมู่บ้านที่ประชิดชายแดนออกมาพักอาศัยในระยะที่ปลอดภัยชั่วคราวหลายร้อยคนด้วยเช่นเดียวกัน

 

วันเดียวกัน เมียนมานาว รายงานว่า สมาคมเพื่อช่วยเหลือนักโทษการเมือง (เอเอพีพี) ซึ่งเป็นผู้ประมวลและบันทึกการจับกุมและการสังหารผู้ประท้วงและพลเรือนทั่วไปในการแสดงออกต่อต้านรัฐบาลทหารในครั้งนี้ แถลงว่าจนถึงขณะนี้ รัฐบาลทหารเมียนมายังคงกระทำการโหดร้ายป่าเถื่อนต่อพลเรือน รวมทั้งผู้หญิงให้เห็นต่อหน้าต่อตา ทั้งๆ ที่มีการทำความตกลงกับผู้นำอาเซียนว่าจะยุติความรุนแรงในทันทีเมื่อวันที่ 24 เมษายน

 

ข้อมูลของเอเอพีพี ระบุว่า ในวันที่มีการประชุม ก็มีชายหนุ่มถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบยิงเสียชีวิตที่มัณฑะเลย์, ในขณะที่ผู้หญิงรายหนึ่งที่ เมืองมยองเมียะ ในเขตสะกาย ถูกจับ และเสียชีวิตขณะถูกควบคุมตัวในวันเดียวกันนั้นเอง นอกจากนั้นยังมีรายงานว่ามีพลเรือนเสียชีวิตในเมือง เยซาจอ เขตมะกเว ในวันเดียวกันนั้น ต่อด้วยอีก 2 รายในวันถัดมาที่เมืองเกาะสอง เขตตะนาวศรี และอีก 1 รายในเมืองอินเส่ง นครย่างกุ้ง

 

หลังจากนั้นมีพลเรือนเมียนมาอีกอย่างน้อย 2 รายเสียชีวิต 1 รายที่มัณฑะเลย์และอีก 1 รายที่เมืองเดโมโซ ในรัฐคะยา กับผู้หญิงอีกรายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่พญาตองซู เมื่อถูกทหารยิงขณะขี่รถจักรยานยนต์ร่วมอยู่ในขบวนจักรยานยนต์ประท้วง จนรถเสียหลักพุ่งเข้าชนกับรถเก๋งอีกคัน โดยเอเอพีพีระบุว่า จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารเมียนมาสังหารพลเรือนที่ต่อต้านการรัฐประหารไปแล้วอย่างน้อย 759 ราย

 

ทางด้านสำนักงานโครงการเพื่อการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นดีพี) แถลงเตือนในวันเดียวกันนี้ว่า วิกฤตการณ์ทางการเมืองในเมียนมาจะทำให้ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่อประชาชนในเมียนมารุนแรงมากยิ่งขึ้น และคาดว่าจะทำให้ ชาวเมียนมามากถึง 25 ล้านคนหรือราวครึ่งหนึ่งของประชากรทั้งประเทศตกลงไปสู่สถานะยากจนภายในปี 2565 นี้

 

นาง กรรณี วิคณาราชา ผู้อำนวยการยูเอ็นดีพีประจำภูมิภาคเอเชียระบุว่า สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ ความรุดหน้าในด้านการพัฒนาที่เกิดขึ้นในช่วงการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา ถูกลบหายไปจนหมดในชั่วระยะเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเอง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง