KTB หุ้นร่วง 3% โบรกแนะนำ “ซื้อ” มีการปรับเป้าราคาเล็กน้อย

#KTB #ทันหุ้น – ภายหลัง KTB แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 3/67 โบรกเกอร์มีมุมมองที่แตกต่างกัน บางรายมองว่าผลงานเป็นไปตามคาด บางรายมองว่าผลงานออกมาต่ำกว่าคาด และบางรายมองว่าผลงานดีกว่าคาด ในบทวิเคราะห์วันที่ 22 ต.ค. โบรกเกอร์บางรายมีการปรับเป้าราคาหุ้น โดยราคาเหมาะสมโดยรวมอยู่ในกรอบ 22.50-25.00 บาท
ส่วนการซื้อขายหุ้น KTB ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในกรอบ 20.40-21.40 บาท ราคาเมื่อ 11.35 น. มาอยู่ที่ 20.70 บาท -0.70 บาท หรือลดลง 3.27% มูลค่าซื้อขาย 2,039 ล้านบาท
“ทันหุ้น” รวบรวมมุมมองโบรกเกอร์จากบทวิเคราะห์ในวันที่ 22 ต.ค. ดังนี้
.
บล.ฟิลลิป : กำไรไตรมาส 3/67 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อย
กำไรไตรมาส 3/67 ต่ำกว่าคาดเล็กน้อยจากการตั้งสำรองสูงกว่าคาด โดยเพิ่มขึ้น y-y จากรายได้ดอกเบี้ย รายได้ค่าธรรมเนียม และกำไรจากเครื่องมือกางการเงินเพิ่มขึ้น แต่ลดลง q-q จากการตั้งสำรอง และค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น สินเชื่อโตได้เล็กน้อยจากสินเชื่อภาครัฐ และมี NPL ลดต่ำลง ยังคงประมาณการ และราคาพื้นฐาน มองว่า KTB เป็นธนาคารที่ได้ประโยชน์จากโครงการรัฐมากที่สุด แนะนำ "ทยอยซื้อ" ราคาเหมาะสม 22.50 บาท
.
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : กำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ดีกว่าคาด และแนวโน้มดีต่อ
บล.ดีบีเอสฯ คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาพื้นฐานปรับเพิ่มเป็น 22.80 บาท (เดิม 21 บาท) โดยอิงกับ P/BV ปี 25F ที่ 0.68 เท่า (Mean+0.5SD) จุดเด่นคือ ธนาคารมีฐานลูกค้ารายย่อยบนดิจิตอลแพลตฟอร์มจำนวนมาก สินเชื่อภาครัฐเติบโตดี และราคาหุ้นมี P/BV ต่ำเพียง 0.6 เท่า ธนาคารมี SET ESG Ratings : AAA และมี CG Report : 5 ดาว
.
บล.พาย : KTB งบดุลแกร่ง ROE สูงสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่
บล.พายคงคำแนะนำ "ซื้อ" ปรับมูลค่าพื้นฐานเหลือ 23.80 บาท (เดิม 24.00 บาท) โดยกำไรสุทธิในไตรมาส 3/67 ออกมาที่ 11.1 พันล้าน (+8% YoY, -0.8% QoQ) งบดุลทรงตัว NPL ratio อยู่ที่ 3.1% และ Coverage ratio เเข็งแกร่งที่ 184.1% บล.พายมองว่า KTB จะยังคงโดดเด่นเหนือคู่แข่งในไตรมาส 4/67 ที่ปกติธนาคารส่วนใหญ่จะรายงานกำไรลดลง QoQ เพราะค่าใช้จ่ายการดำเนินงานสูงขึ้นจากปัจจัยฤดูกาล แต่การเติบโต YoY ของ KTB จะโดดเด่นกว่าคู่แข่งจากสำรองหนี้ฯ ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ และส่งผลให้กำไรในปี 2567 โตสูง 13% YoY แต่ด้วยวัฏจักรดอกเบี้ยขาลงทำให้แนวโน้มกำไรจะเติบโตชะลอตัว บล.พายคาดว่ากำไรสุทธิขยายตัว 2.3%/5.8% ในปี 2568-69 และ ROE ปรับลดลงจาก 9.9% ในปี 2567 เหลือ 9.4% ในปี 2568-69 สูงสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่
.
บล.บัวหลวง : กำไรตรงกับที่บล.บัวหลวงคาด
แนวโน้ม บล.บัวหลวงคาดกำไรไตรมาส 4/67 ที่ 8.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 39% YoY (การตั้งสำรองที่ลดลง) แต่ลดลง 24% QoQ (NIM ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
หลังจากบล.บัวหลวงปรับเพิ่มประมาณการ NIM จาก 3.21% เป็น 3.30%เราได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ขึ้น 7% มาอยู่ที่ 4.19 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 14% YoY) นอกจากนี้ บล.บัวหลวงยังปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ขึ้น 8% มาอยู่ที่ 4.38 หมื่นล้านบาท (เพิ่มขึ้น 5% YoY) ดังนั้นราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2558 ของบล.บัวหลวงจึงเพิ่มขึ้นจาก 22 บาท มาอยู่ที่ 24 บาท
คำแนะนำ
PER ปี 2568 ของ KTB อยู่ที่ 6.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่บล.บัวหลวงให้คำแนะนำที่ 8.3 เก่า และ PBV ณ สิ้นปี 2568อยู่ที่ 0.6 เท่า และเราคาด ROE ที่ 9.8% ในปี 2567 ส่งผลให้อัตราส่วน PBV/ROE อยู่ที่ 0.066 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารที่เราให้คำแนะนำที่ 0.082 เท่าอย่างมาก และเราคาดอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลประมาณ 5% ในปี 2567 และ 2568 แนะนำ “ซื้อ”
.
บล.กรุงศรี : กำไรสุทธิไตรมาส 3/67 เป็นไปตามคาด
บล.กรุงศรีมีมุมมองเป็นกลาง ต่อกำไรสุทธิไตรมาส 3/67 ที่ 1.11 หมื่นลบ. ใกล้กับที่บล.กรุงศรีและตลาดคาด โดยกำไรเพิ่ม +8% y-y จากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุน (FVTPL) ขณะที่กำไรลดลง -1% q-q จากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่าย IT และค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) สำหรับสินเชื่อลดลง -2.5% y-y เพิ่มขึ้น +0.1% q-q คิดเป็น 0.5% YTD การเพิ่มขึ้น q-q จากสินเชื่อภาครัฐ ด้านคุณภาพสินทรัพย์ควบคุมได้ดี NPL Ratio อยู่ที่ 3.14% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/67 ที่ 3.12% บล.กรุงศรีชอบ KTB (Buy, TP 24 บ.) และคงเป็น Top Pick ของกลุ่มธนาคารคู่กับ KBANK (BUY, TP 180บ.) เพราะ i) กำไรสุทธิปี 2567-68 คาดเติบโตเด่น +19%y-y และ +10%y-y ii) คาดได้ผลบวกจากงบประมาณภาครัฐในครึ่งปีหลัง 2567 ถึงครึ่งปีแรก 2568
.
บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ : KTB แนะ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 24.40 บาท
ผลประกอบการไตรมาส 3/67 ที่ออกมาถึงว่าไกล้เคียงคาดมาก โดยกำไรงวด 9 เดือน 2567 คิดเป็น 79% ของประมาณการกำไรทั้งปีของเรา น่าจะได้รับผลบวกจากสินเชื่อภาครัฐที่โตขึ้นจากโครงการภาครัฐและยังถือเป็นหนึ่งในธนาคารที่เป็นผู้นำดิจิทัลแบงก์กิ้งซึ่งจะได้ประโยชน์จากการสามารถขายผลิตภัณฑ์รายย่อยผ่านฐานลูกค้าจำนวนมากผ่านแอปพลิเคชันออนไลน์ต่างๆโดยเชื่อกำไรปีนี้จะโตไม่ต่ำกว่า 15% ได้ และเป็นหุ้นธนาคารที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนสูงสม่ำเสมอ คาดจ่ายปันผลตอบแทนปีนี้ราว 4.6% บล.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ แนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 24.40 บาท