บล.บัวหลวง เปิดประเด็นสำคัญ 10 บจ. กลุ่ม Bank-Finance หลังประชุมนักวิเคราะห์

ทันหุ้น - บล.บัวหลวง ส่องพื้นฐาน VGI-TVO-SIRI-RS-PTT-ORI-CRC-BCP-BANPU-BPP กลุ่ม Bank และ Finance มุมมองหลังจากประชุมนักวิเคราะห์ ดังนี้
**บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI มุมมองออกมา เป็นกลาง โดยใน Q2/64 (ก.ค.-ก.ย.) ยังได้รับอานิสงส์จาก Early bird และการฟื้นตัวของ MACO ด้านต้นทุน โดย MACO มีการเจรจาต่อรองกับเจ้าของพื้นที่สนามบินในมาเลเซีย โดยสัญญาใหม่ค่อนข้างน่าพอใจ Fanslink จะมีการรวมงบเข้ามา 8 เดือนในปีบัญชีนี้จะทำให้รายได้สูงขึ้น แต่ไม่ได้ส่งผลต่อกำไรอย่างมีนัยยะสำคัญ
คำแนะนำพื้นฐาน ยังคงมองว่า VGI จะยังประคองตัวได้ในไตรมาสนี้ และการฟื้นตัวจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ COVID-19 และการฉีดวัคซีนในประเทศไทย
**บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO มุมมองที่แย่ลงกว่าที่เคยคาดเดิมสำหรับผลประกอบการใน 2H64 โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GM) มีแนวโน้มอ่อนตัวลงไปมากกว่าที่เราเคยคาดก่อนหน้า ซึ่งผู้บริหารมองว่า GM ใน 2H64 อาจไม่ถึงตัวเลขสองหลัก บวกกับการปิดโรงงานซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ 1 เดือนใน Q4/64 จะเป็นปัจจัยลบที่จะส่งผลให้กำไร 2H64 อ่อนตัวจากที่เคยคาด
คำแนะนำพื้นฐาน มองว่ากำไรสุทธิของ TVO ใน Q3/21 มีแนวโน้มต่ำกว่าที่เราเคยคาดก่อนหน้าที่ 600 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิใน Q4/64 มีแนวโน้มลดลงจากที่เคยคาดก่อนหน้าจากการปิดซ่อมบำรุง 1 เดือนซึ่งจะส่งผลให้ทั้งวอลุ่มขายกากถั่วเหลืองและ GM ใน Q4/64 อ่อนตัวลงจาก Q3/64 บวกกับ GM ที่ผู้บริหารมองว่าไม่น่าจะถึงตัวเลขสองหลักใน 2H64 (ซึ่งแย่กว่าที่เราเคยคาดก่อนหน้าว่าน่าจะอยู่ในช่วง 11-13%) มองว่ากำไรสุทธิของเรา ณ ปัจจุบันที่ 2.59 พันล้านบาทสำหรับปี 2021 มีแนวโน้มปรับลดลงเหลือ 2.2-2.3 พันล้านบาท เราอยู่ระหว่างปรับประมาณการกำไรสุทธิของ TVO สำหรับปี 2021-22 และอยู่ระหว่างการทบทวนคำแนะนำหุ้น TVO
**บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI มองเป็นบวก โดยผู้บริหารประเมินแนวโน้ม presales ยังทรงตัวได้ใน Q3/64, อัตรากำไรขั้นต้น (GP) ที่จะยืนในระดับปกติได้แล้ว และมั่นใจต่อเป้าหมายยอดขาย-ยอดโอนทั้งปี 2564 ซึ่งหมายถึงจะมี Upside ราว 10% ต่อประมาณการกำไรหลักปี 2564 ที่ 1.86 พันล้านบาท (ใกล้เคียงกับตลาด)
คำแนะนำพื้นฐาน คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 1.6 บาท โดยมองการฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติของธุรกิจอสังหาฯ ทั้งโครงการที่เปิดตัวใหม่ผลตอบรับดี และอัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาปกติ รวมทั้งโอกาสปรับประมาณการกำไรจากทั้งเราและตลาด ราคาหุ้นจะตอบรับในเชิงบวกได้มากกว่านี้ เนื่องจากปัจจุบันที่ยังซื้อขายบน PBV (แบบไม่รวมหุ้นกู้ชั่วนิรันดร์) ต่ำมากเพียง 0.5 เท่า
**บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS มุมมองออกมาเป็นกลาง โดยคาดว่ากำไรใน Q2/64 ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว แต่จะฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป บริษัทจะเข้าซื้อหุ้น 33% ใน Specialty Group ซึ่งธุรกิจหลักคือการผลิตสารสกัด และ OEM ในการผลิตสินค้า ไม่ว่าจะเป็น อาหารเสริม สมุนไพร และเครื่องสำอาง
คำแนะนำพื้นฐาน ยังมองว่าผลประกอบการของ RS ยังคงได้รับแรงกดดันจากภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อีกทั้งยังออกสินค้าใหม่มาในช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ทำให้รายได้ไม่เข้ามาในขณะทีมีค่าใช้จ่ายเข้ามาเราคงคำแนะนำ wait-and-see รอการฟื้นตัวที่ชัดเจนของภาพกำไร
**บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT ยืนยันมุมมองเชิงบวกของฝ่ายวิจัยต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของผลการดำเนินงานปีนี้ และการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาวของบริษัท PTT วางกลยุทธ์การเติบโตในระยะยาวทั้งในส่วนของธุรกิจปัจจุบันและธุรกิจในอนาคต โดยมีเป้าหมายการลงทุนที่จะสอดรับกับ global mega trends และแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ได้แก่ 1) Energy, 2) Future Energy, และ 3) Beyond Energy
คำแนะนำพื้นฐาน แนวโน้มการเติบโตของกำไรปี 2564 หนุนโดยการฟื้นตัวของอุปสงค์อย่างต่อเนื่องและส่วนต่างราคาที่ขยายตัว คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนั้นการลงทุนใหม่ต่างๆ จะหนุนการเติบโตของกำไรในระยะยาว มูลค่าหุ้นปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2564 ที่ 1.1 เท่า เราคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2564 ที่ 5.6% รวมทั้งน่าจะมีอัพไซด์สำหรับอัตราการจ่ายเงินปันผล เนื่องจากบริษัทมีเงินสดในมือจำนวนมาก เราจึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 55 บาท
**บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ยืนยันมุมมองเชิงบวกทั้งจากธุรกิจหลัก “อสังหา” ที่บริษัทสามารถสร้างผลประกอบการได้ดีอย่างต่อเนื่อง และยังมีอัพไซด์จากธุรกิจใหม่ที่บริษัทขยายการลงทุนออกไป 2H64 บริษัทมี Backlog ราว 9.4 พันล้านบาท ที่พร้อมโอนซึ่งรองรับเป้าหมายรายได้ปีนี้ที่เอาไว้ทั้งหมดแล้ว และ Backlog ส่วนที่เหลืออีก 2.5 หมื่นล้านบาท จะทยอยโอนใน 2565-67
คำแนะนำพื้นฐาน ยืนยันคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 10 บาท และยังมีอัพไซด์ในอนาคตเมื่อธุรกิจใหม่ของบริษัทมีความชัดเจนและส่งกำไรกลับมาที่ ORI มากขึ้น คาดราคาหุ้นจะ Re-rate PE ขึ้นได้ premium กว่ากลุ่มพัฒนาอสังหาฯทั่วไป
**บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC สารออกมาเป็นกลาง เนื่องจากข่าวร้ายจากการปรับรายได้ปี 2564 ลดลงจากการปิดเมือง (Q3/64) จะชดเชยด้วยการกลับมาของรายได้หลังเปิดเมืองอย่างรวดเร็ว ในระยะสั้นเห็นความเสี่ยงการปรับประมารการกำไรลงจากตลาด เทียบกับฝ่ายวิจัยที่คาดการณ์กำไรหลักต่ำมากแล้วที่เพียง 125 ล้านบาทในปี 2564 และที่3.1 พันล้านบาทในปี 2565 (ฟื้นตัวราว 40% ของกำไรก่อนการระบาด COVID-19)
คำแนะนำพื้นฐาน แนะนำให้นักลงทุน ทยอยสะสม อย่างมีสารสำคัญ เนื่องจากค่อนข้างมั่นใจว่าราคาหุ้นสามารถยืนที่ 30 บาทได้ (ถ้าหลุดก็แป๊บเดียวมาก) เนื่องจาก 1) ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงถึง 21% ในรอบ 3 เดือนล่าสุด ซึ่งเป็นระดับสะท้อนข่าวร้ายการขาดทุนในระยะสั้นมากแล้ว, และ 2) มูลค่าหุ้นซื้อขายที่ PBV ล่าสุดที่ 3.5 เท่า ต่ำกว่าผู้นำกลุ่มอย่าง CPALL ที่ 5.6 เท่ามาก และ CRC ซื้อขายที่ Price to Sales ปี 2565 เพียง 0.8 เท่า คงคำแนะนำ “ซื้อ” CRC ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 42 บาท
**บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ยืนยันมุมมองเชิงบวกของฝ่ายวิจัยต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 2H64 และโอกาสในการลงทุนใหม่ของบริษัท โดยจะมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ energy transition โดยจะเริ่มลงทุนในส่วนของธุรกิจ LNG, oxygen, hydrogen รวมทั้งแสวงหาโอกาสในการลงทุนในธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องต่อไป
คำแนะนำพื้นฐาน แนวโน้มผลประกอบการ 2H64 ที่ดีขึ้น และมุมมองเชิงบวกของตลาดต่อโอกาสการเติบโตจากธุรกิจใหม่คาดว่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ ราคาหุ้นปัจจุบันซึ่งซื้อขายที่ PBV ปี 2564 ที่ 0.5 เท่าและอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2564 ที่ 7.2% (เทียบกับ 3% ของ SET) น่าจะช่วยจำกัดความเสี่ยงขาลงของราคาหุ้น ในกลุ่มโรงกลั่น ยังคงชอบ TOP (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 69 บาท) มากกว่า เนื่องจากกำไรมีความไวต่อการฟื้นตัวของค่าการกลั่นมากกว่า
**บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU และ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเข้าลงทุนในโครงการ Temple-I โดยในอนาคตอาจมี synergy ร่วมกันระหว่าง BANPU และ BPP ในการเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการทำกำไรของโครงการ Temple-I ทั้งนี้ BANPU ได้มีการป้องกันความเสี่ยงด้านราคาถ่านหินไว้บางส่วน จึงอาจเกิด hedging loss ในช่วง 2H64 จากราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นแรง
คำแนะนำพื้นฐาน คาดว่าภายใน Q4/64 ตลาดจะปรับประมาณการกำไรระยะยาวของทั้ง BANPU และ BPP ขึ้นจากการเข้าลงทุนในโครงการ Temple-I โดยเรายังคงคำแนะนำ "ซื้อเก็งกำไร" ต่อ BANPU (อยู่ระหว่างการทบทวนราคาเป้าหมายเพื่อให้สอดคล้องกับการเพิ่มทุนและการออก warrant) และ "ซื้อ" ต่อ BPP (ราคาเป้าหมาย 22 บาท)
**กลุ่ม ธนาคาร และการเงิน ข่าวการออกราชกิจจานุเบกษาเรื่องการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ในการทวงถามหนี้ โดยผู้ทวงถามหนี้สามารถเก็บค่าธรรมเนียมไม่เกินห้าสิบบาทต่อรอบการทวงถามหนี้ ในกรณีที่ลูกหนี้มีหนี้ค้างชำระหนึ่งงวด และไม่เกินหนึ่งร้อยบาทต่อรอบในกรณีที่ลูกหนี้มีหนี้ค้างชำระมากกว่าหนึ่งงวด ห้ามไม่ให้เรียกเก็บค่าธรรมเนียมหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ในการทวงถามหนี้อีกภายหลังจากได้รับชำระหนี้ครบตามจำนวนหรือมีการบอกเลิกสัญญาตามกฎหมาย และประกาศมีผลบังคับใช้หลังจากพ้นกำหนด 30 วัน
คำแนะนำพื้นฐาน คาดจะมีผลกระทบต่อประมาณการกำไรของกลุ่มธนาคารค่อนข้างจำกัด (ไม่เกิน 1% ของประมาณการกำไรทั้งปี) เนื่องจากค่าทวงถามติดตามหนี้ในแต่ละธนาคารมีสัดส่วนที่น้อยเมื่อเทียบกับรายได้รวม รวมทั้งที่ผ่านมาบางธนาคารมีการ wave ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เป็นระยะๆ ในขณะที่กลุ่มการเงิน คาดมีผลกระทบต่อประมาณการกำไรแบบจำกัดเช่นกัน (ไม่เกิน 1% ของประมาณการกำไรทั้งปี) เนื่องจากพอรต์สินเชื่อหลักส่วนใหญ่ของกลุ่มการเงินประกอบไปด้วย สินเชื่อบัตรเครดิต (KTC) สินเชื่อส่วนบุคคล (KTC SAWAD และMTC) และสินเชื่อจำนำทะเบียน (MTC SAWAD และ TIDLOR) โดยสินเชื่อกลุ่ม HP และ Leasing (MTC SAWAD TIDLOR และ KTC) ส่วนใหญ่มีสัดส่วนที่น้อยรวมทั้งบางบริษัทมีการ wave ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้เป็นระยะเช่นกัน
ยอดนิยมในตอนนี้
