รีเซต

หุ้นอะไรรอด! กลุ่มยานยนต์ หลังยอดผลิตกันยายนลดลง ส.อ.ท.หั่นเป้า

หุ้นอะไรรอด! กลุ่มยานยนต์ หลังยอดผลิตกันยายนลดลง ส.อ.ท.หั่นเป้า
ทันหุ้น
25 ตุลาคม 2566 ( 13:22 )
49
หุ้นอะไรรอด! กลุ่มยานยนต์ หลังยอดผลิตกันยายนลดลง ส.อ.ท.หั่นเป้า

#ทันหุ้น - บล.ดาโอ ส่องหุ้น "กลุ่มยานยนต์" ยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ย.66 ลดลง YoY จากฐานสูงปีก่อน แต่ยังเติบโต MoM ส.อ.ท.รายงานยอดผลิตรถยนต์เดือน ก.ย.66 อยู่ที่ 1.64 แสนคัน -8% YoY, +9% MoM ลดลง YoY จากปีก่อนที่มีฐานการผลิตสูง เพราะมีการเร่งผลิตเพื่อส่งออกหลังได้รับการส่งมอบเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงยอดขายในประเทศยังลดลงจากการเข้มงวดเรื่องการปล่อยสินเชื่อ และมีการนำเข้ารถ EV มาขายมากขึ้น โดยแบ่งเป็นยอดขายรถยนต์ในประเทศ -16% YoY, +3% MoM ยังทรงตัวต่ำ เนื่องจากสถาบันการเงินยังเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อจากหนี้ครัวเรือนที่สูง ส่วนยอดส่งออก -3% YoY, +11% MoM ทั้งนี้ รวม 9M66 ยอดผลิตรถยนต์อยู่ที่ 1.39 ล้านคัน +2% YoY

 

ส.อ.ท.ปรับประมาณการยอดผลิตรถยนต์ปี 2566E เป็น 1.85 ล้านคัน -2% YoY จากเดิม 1.9 ล้านคัน โดยคงเป้าการผลิตเพื่อส่งออกที่ 1.05 ล้านคัน แต่ปรับลดยอดผลิตเพื่อขายในประเทศเป็น 8 แสนคัน จากเดิม 8.5 แสนคัน

 

รถยนต์ที่นั่ง (ไม่เกิน 7 คน) BEV มียอดจดทะเบียนใหม่เดือน ก.ย.66 ชะลอการเพิ่มขึ้น MoM อยู่ที่ 6.8 คัน +542% YoY, +4% MoM โดยค่ายรถยนต์ BYD ครองสัดส่วนมากสุดที่ 47% อันดับ 2 เป็น MG 18% ตามมาด้วย NETA 12% และ ORA 10% (Fig.5,6) รวม 9M23 รถยนต์นั่ง(ไม่เกิน 7 คน) BEV มียอดจดทะเบียนใหม่จำนวน 5.0 หมื่นคัน +758% YoY 

 

(ที่มา : อินโฟเควสท์, https://web.dlt.go.th/statistics/index.php)

 

ฝ่ายวิจัยมองเป็นลบ โดยยอดผลิตรถยนต์ Q4/66E จะยังลดลง YoY ขณะที่ ส.อ.ท.ปรับลดเป้าผลิตรถยนต์เป็น 1.85 ล้านคัน -2% YoY เป็นไปตามที่ฝ่ายวิจัยประเมินไว้ โดยยอดผลิตรถยนต์ 9M66 จะคิดเป็น 75% จากเป้าการผลิตรถยนต์ใหม่ของปี 2566E ซึ่งในช่วงที่เหลือของปียอดผลิตรถยนต์จะยังปรับตัวลง YoY จากฐานสูงในปีก่อน ที่มีการเร่งผลิตเพื่อส่งออกหลังจากได้รับการส่งมอบเซมิคอนดักเตอร์หรือคิดเป็นยอดผลิตเฉลี่ยต่อเดือนที่ 1.55 แสนคัน (-10% YoY) 

 

กลุ่ม Automotive ให้น้ำหนักการลงทุนเป็น “Neutral” สำหรับหุ้นที่เกี่ยวข้องกับยอดผลิตรถยนต์ ได้แก่ SAT ยังแนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท อิง 2566E PER ที่ 8.5 เท่า (-0.75SD below 5-yr average PER) จากกำไร 2H66E ที่ยังทรงตัว โดยยังได้ผลบวกจากคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น ชดเชยยอดผลิตรถยนต์ที่ชะลอตัว YoY ขณะที่ระยะยาวยังน่าสนใจจากการขยายเข้าสู่ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (E Tuk, E Bus) ที่จะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปี 2567E 

 

สำหรับหุ้น top pick กลุ่ม ได้แก่ NEX แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 14.00 บาท อิง PEG 1 เท่า (เทียบเท่า 2566E PER ที่ 31 เท่า, ปี 2566E-68E กำไรโตเฉลี่ย +31% CAGR) โดยแนวโน้ม 2H66E จะดีต่อเนื่องจากการส่งมอบรถส่งมอบรถเมล์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น รวมถึงจะยังมีการส่งมอบรถ E Bus และ E Truck เพิ่มต่อเนื่อง และจะมีการส่งมอบไปต่างประเทศมากขึ้น

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง