ภาวะอดอยากในกาซาซิตี้ บททดสอบมนุษยชาติ ในวิกฤตที่โลกล้มเหลว ?

“นี่คือภัยพิบัติที่มนุษย์ก่อขึ้นเอง และเป็นความล้มเหลวของมนุษยชาติทั้งระบบ” คำกล่าวของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูแตร์เรส หลังจากที่รายงานของหน่วยงานจัดระดับความมั่นคงทางอาหารของสหประชาชาติ หรือ Integrated Food Security Phase Classification (IPC) ออกมายืนยันว่า กาซาซิตี้ได้เข้าสู่ความอดอยากเป็นระดับที่ 5 ซึ่งหมายความว่า ประชาชนในครัวเรือนประสบปัญหาขาดแคลนอย่างรุนแรง ไม่ว่าจะทั้งอาหาร หรือสิ่งของจำเป็นพื้นฐานอื่นๆ ซึ่งแม้จะมีการแก้ปัญหาเพื่อรับมืออย่างเต็มที่แล้ว แต่ยังไม่สามารถขจัดภาวะความอดอยาก ความสูญเสียในชีวิต ความยากจน และภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลันขั้นวิกฤต
รายงานฉบับนี้ของ IPC ร่วมจัดทำโดยหน่วยงานด้านอาหารและสุขภาพของสหประชาชาติหลายแห่ง ยืนยันภาวะความอดอยากอย่างเป็นทางการในฉนวนกาซา นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ตะวันออกกลาง
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานด้านกิจกรรมประสานงานของรัฐบาลอิสราเอลในดินแดนปาเลสไตน์ (COGAT) ได้ออกมาปฏิเสธรายงานดังกล่าว โดยระบุว่าเป็นข้อมูลที่มีอคติและมีแหล่งที่มาเชื่อมโยงกับกลุ่มฮามาส
บริบทด้านมนุษยธรรม
สงครามในฉนวนกาซากำลังจะครบ 3 ปีในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ในเวลานี้ วิกฤตด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาซึ่งเกิดจากสงครามที่ยืดเยื้อ การปิดล้อม และการล่มสลายของโครงสร้างสถาบันพื้นฐาน ส่งผลให้ประชาชนเข้าถึงอาหาร เชื้อเพลิง และยารักษาโรคได้ยากลำบากมากขึ้น
ขณะที่องค์การสหประชาชาติ องค์การอนามัยโลก (WHO) โครงการอาหารโลก (WFP) องค์การยูนิเซฟ (UNICEF) และหน่วยงานระหว่างประเทศอื่น ๆ ได้ออกคำเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดระเวลาของสงครามที่ดำเนินไปว่า หากไม่สามารถฟื้นฟูการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยเร่งด่วน ผลกระทบที่ตามมาอาจรุนแรงและไม่อาจย้อนกลับได้
รายงาน IPC ยืนยันความอดอยากเข้าสู่ระดับที่ 5 แล้ว
ทั้งนี้ รายงานของ IPC ยืนยันว่า มีเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี มากถึง 132,000 คนที่เสี่ยงภาวะทุพโภชนาการ โดยในจำนวนนี้ 41,000 คนอยู่ในภาวะรุนแรง ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากข้อมูลเมื่อเดือนพฤษภาคม
IPC ระบุว่า เกณฑ์ทั้งหมดสำหรับการประกาศภาวะอดอยากได้ถูกตอบสนองครบถ้วนแล้ว ได้แก่ อย่างน้อย 20% ของครัวเรือนขาดแคลนอาหารในระดับรุนแรง
ขณะที่มากกว่า 30% ของเด็กมีภาวะทุพโภชนาการเฉียบพลัน มีอัตราการเสียชีวิตไม่น้อยกว่า 2 คนต่อประชากร 10,000 คนต่อวัน อันเนื่องมาจากความหิวโหยหรือโรคที่เกี่ยวข้อง เกณฑ์เหล่านี้เคยถูกนำมาใช้ในการประกาศภาวะอดอยากใน โซมาเลีย (2011), ซูดานใต้ (2017 และ 2020), และซูดาน (2023) มาก่อนหน้านี้
นี่คือภัยพิบัติที่มนุษย์ก่อขึ้นเอง
เลขาธิการสหประชาชาติ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส กล่าวว่า “นี่คือภัยพิบัติที่มนุษย์ก่อขึ้นเอง เป็นข้อกล่าวหาทางศีลธรรม และเป็นความล้มเหลวของมนุษยชาติทั้งระบบ ในฐานะผู้มีอำนาจยึดครอง อิสราเอลมีพันธะผูกพันอย่างชัดเจนภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ”
นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้ประชาคมโลก ‘เลิกอ้างข้อแก้ตัว’ และดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อยุติความทุกข์ทรมานของประชาชนจำนวนมหาศาลในฉนวนกาซา
การประกาศภาวะอดอยากในฉนวนกาซาได้จุดกระแส เสียงประณามจากนานาประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างองค์กรแอมเนสตี อินเตอร์เนชันแนล (Amnesty International) ระบุว่า รายงานของ IPC เป็น “ข้อกล่าวหาที่รุนแรง” ต่อความล้มเหลวของประชาคมโลกในการกดดันอิสราเอลให้ยุติการปฏิบัติที่นำไปสู่วิกฤตมนุษยธรรม
ส่วนกลุ่มประเทศอาหรับ เช่น ซาอุดีอาระเบีย จอร์แดน และคูเวต ต่างออกมาประณามสถานการณ์ ขณะที่เสียงวิจารณ์จากเจ้าหน้าที่สหราชอาณาจักรและประเทศอื่น ๆ แม้แต่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ก็ออกมายอมรับว่าในกาซามี “ความอดอยากจริง” ซึ่งสิ่งนี้ขัดแย้งกับคำกล่าวของนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู ของอิสราเอล ที่ปฏิเสธว่ามีภาวะวิกฤตในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความขัดแย้งของข้อมูลและมุมมองที่แตกต่างกันทางการเมือง ซึ่งทำให้การตรวจสอบโดยอิสระเป็นเรื่องยาก แต่องค์กรด้านมนุษยธรรมยังคงชี้ให้เห็นถึงรูปแบบของวิกฤตที่สอดคล้องกันจากหลายภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง
ผลสะท้อนวิกฤตโลกที่ล้มเหลว?
การขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรง กำลังส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากเผชิญกับภาวะเสื่อมถอยทางร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็ก สตรีมีครรภ์ และผู้สูงอายุ อีกทั้งภาวะทุพโภชนาการยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและโรคต่าง ๆ ในพื้นที่ที่โครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขแทบไม่สามารถใช้งานได้
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ท้ายที่สุดแล้วหากสถานการณ์ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีการแก้ไขอย่างเร่งด่วน อาจนำไปสู่บาดแผลทางจิตใจระยะยาวในคนรุ่นต่อไป รวมถึงพัฒนาการเด็กที่หยุดชะงัก และสิ่งที่คงไม่มีใครปรารถนาจะให้เกิดนั่นก็คือการล่มสลายของเศรษฐกิจในระยะยาว